พยายามกระทำความผิด มีองค์ประกอบ คือ |
|
อ้างอิง
อ่าน 245 ครั้ง / ตอบ 0 ครั้ง
|
ประพันธ์ เวารัมย์
|
พยายามกระทำความผิด มีองค์ประกอบ คือ
๑. ผู้กระทำได้อยู่ในขั้นลงมือกระทำความผิด คือกระทำโดยรู้ตัว รู้องค์ประกอบภายนอกของความผิด และมีเจตนา เช่น จะลักทรัพย์ในบ้านผู้อื่นต้องประกอบด้วยการเอาทรัพย์ไปและต้องเข้าไปในบ้าน การที่เราปีนเข้าไปแต่ยังไม่ได้ลักทรัพย์ ถือว่าเราลงมือกระทำความผิดฐานลักทรัพย์แล้ว
การกระทำที่ยังไม่ถึงขั้นเข้าองค์ประกอบความผิด เช่นในข้อสอบ การชักปืนจะยิงแต่ยังไม่ยิงเพราะสงสาร การชักปืนนี้จะถือว่าเป็นการกระทำแล้วหรือไม่ เราก็ต้องมาดูว่าองค์ประกอบฆ่าผู้อื่นโดยอาวุธปืนต้องมีผู้ถูกกระทำ มีเจตนา มีการกระทำ การเอาปืนยิงนั้นปืนต้องอยู่ในภาวะที่พร้อมจะยิงคือต้องเล็งปืน เพราะเป็นการกระทำที่ใกล้ชิดกับผลมากแค่กดนิ้วยิงผลก็สำเร็จแล้ว ดังนั้นการชักปืนเพื่อจะยิงเป็นการกระทำที่ยังห่างไกลกับผลมาก เป็นการกระทำที่อยู่ในขั้นตระเตรียมการ ยังไม่ถึงขั้นลงมือ
ข้อสอบเก่าถามว่า นายบ่ายไปดักยิงนายเช้า เมื่อเห็นนายเช้า นายบ่ายชักปืนออกจากเอวเพื่อจะยิง แต่นายบ่ายเห็นว่านายเช้าแก่มากแล้วจึงเกิดความสงสารและเปลี่ยนใจไม่ยิง นายบ่ายมีความผิดฐานใด
คำตอบ นายบ่ายชักปืนออกจากเอวเพื่อจะยิง แต่นายบ่ายยังไม่ได้จ้องปืนไปที่นายเช้า การกระทำของนายบ่ายไม่ใกล้ชิดกับผลคือความตายของนายเช้า จึงยังไม่ถึงขั้นลงมือกระทำความผิด ยังอยู่ในขั้นตระเตรียมการเพื่อฆ่านายเช้าเท่านั้น ซึ่งไม่มีกฎหมายบัญญัติว่าเป็นความผิดและกำหนดโทษไว้ นายบ่ายจึงไม่มีความผิดฐานพยามยามฆ่านายเช้าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามมาตรา ๒๘๙(๔) ประกอบมาตรา ๘๐
การที่นายบ่ายเปลี่ยนใจไม่ยิงนายเช้าเพราะความสงสาร ไม่เป็นการยับยั้งเสียเองตามมาตรา ๘๒ เพราะการยับยั้งเสียเองจะเกิดได้เมื่อนายบ่ายได้ลงมือกระทำความผิดแล้วนายบ่ายยับยั้งเสียเองไม่กระทำการให้ตลอด นายบ่ายจึงไม่ต้องรับโทษสำหรับการพยายามกระทำความผิด แต่ตามคำถามการกระทำของนายบ่ายอยู่ในขั้นตระเตรียมการ จึงไม่อาจมีการยับยั้งเสียเองตามมาตรา ๘๒ ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๖๔๗/๒๕๑๒ 'จำเลยมาพบผู้เสียหายที่บ่อน้ำ ผู้เสียหายพูดกับจำเลยเรื่องทำร้ายหลานชายผู้เสียหายซึ่งเป็นใบ้ จำเลยไม่พอใจผู้เสียหายและพูดว่า เดี๋ยวยิง ผู้เสียหายท้าให้ยิง จำเลยจึงควักปืนออกมาปากกระบอกเพิ่งพ้นจากเอวยังไม่ทันหันมาทางผู้เสียหาย ก็ถูกผู้เสียหายแย่งไปได้ การที่จำเลยชักปืนออกมาเป็นเพียงเตรียมการเอาปืนออกมาเท่านั้นยังไม่ถึงขั้นลงมือ การที่จำเลยเพียงแต่ควักปืนยังไม่พ้นจากเอว จำเลยอาจทำท่าขู่ก็ได้ พฤติการณ์ยังไม่พอฟังว่าจำเลยมีเจตนาจะฆ่า การกระทำของจำเลยจึงยังไม่เป็นพยายามกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80'
เรามาดูตัวอย่างนี้ จำเลยใช้อาวุธปืนจี้ขู่เข็ญผู้เสียหายว่าอย่าส่งเสียงและให้ส่งของมีค่าให้ เมื่อผู้เสียหายส่งกระเป๋าสะพายให้และพูดว่า จะเอาอะไรก็เอาไปขอบัตรประจำตัวประชาชนไว้ จำเลยค้นกระเป๋าสะพายแล้วไม่มีของมีค่าติดตัวมา จำเลยจึงปล่อยตัวผู้เสียหายแล้วเดินหนีไป แสดงให้เห็นว่าจำเลยมิได้ประสงค์จะแย่งเอากระเป๋าสะพายของผู้เสียหายไปเป็นของตน เพียงแต่ต้องการค้นหาของมีค่าในกระเป๋าสะพายเท่านั้น มิฉะนั้นเมื่อจำเลยได้กระเป๋าสะพายแล้วก็ต้องหลบหนีไปทันทีโดยไม่ต้องเปิดประดูและคืนกระเป๋าสะพายให้ผู้เสียหาย ดังนั้นเมื่อจำเลยยังไม่ได้ของมีค่าตรงตามเจตนาของจำเลย การกระทำของจำเลยจึงยังไม่เป็นการชิงทรัพย์สำเร็จ (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๘๖๙/๒๕๕๕)
**เรื่องนี้จำเลยต้องการเอาสิ่งของมีค่าที่อยู่ในกระเป๋า เมื่อไม่ได้สิ่งของมีค่าก็คืนกระเป๋าให้แก่ผู้เสียหาย แล้วเดินหนีไป มีปัญหาว่า จำเลยกระทำความผิดสำเร็จหรือเป็นแค่พยายามชิงทรัพย์ เราต้องดูการกระทำของจำเลย จำเลยขู่เข็ญให้ผู้เสียหายส่งของมีค่ามาให้ เป็นการลงมือกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์ เพราะขู่เข็ญว่าทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย แต่ถ้อยคำที่พูด จำเลยให้ผู้เสียหายส่งของมีค่ามาให้จำเลย เมื่อค้นหาของมีค่าไม่พบก็คืนกระเป๋าให้แก่ผู้เสียหายไป แสดงจำเลยต้องการของมีค่าที่อยู่ในกระเป๋าเท่านั้น ไม่ได้ต้องการกระเป๋า การที่จำเลยได้รับกระเป๋าไปแล้วส่งคืนให้แก่ผู้เสียหาย ไม่เป็นการลักทรัพย์ เพราะไม่มีการเอากระเป๋าไป การชิงทรัพย์สิ่งของมีค่าซึ่งจำเลยไม่ได้ไปจึงอยู่ในขั้นพยายามเท่านั้น
มาดูคำพิพากษาศาลฎีกานี้ ฎีกาที่ ๘๗๔๓/๒๕๕๐
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๘๗๔๓/๒๕๕๐ ' จำเลยกับ จ. ได้ร่วมกันใช้อาวุธปืนลูกซองสั้นยิงมาที่บ้านผู้เสียหายทั้งสองในระยะห่าง ๑๔ เมตร โดยเล็งปากกระบอกปืนไปที่ตัวบ้าน มิได้เล็งปากกระบอกปืนไปที่ผู้เสียหายทั้งสองหรือบุคคลใดซึ่งอยู่ในบ้าน แสดงว่ามิได้มีเจตนาฆ่าผู้เสียหายทั้งสองหรือบุคคลใด จำเลยไม่มีความผิดบานพยามยามฆ่าผู้เสียหายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน'
เรื่องนี้จำเลยยิงไปที่ตัวบ้าน ขณะยิงจำเลยเห็นอยู่แล้วว่าผู้เสียหายอยู่ในบ้านแสดงให้เห็นเจตนาว่ามีเจตนายิงตัวบ้านไม่ได้ยิงผู้เสียหาย เป็นเจตนาขมขู่หรือเจตนาทำให้เสียทรัพย์ ไม่มีเจตนาฆ่า
๒. การกระทำนั้นไม่บรรลุผล เพราะกระทำไปไม่ตลอด หรือกระทำไปตลอดแล้วแต่ผลไม่เกิด
การลงมือกระทำความผิดแล้วแต่กระทำไปไม่ตลอด เป็นการกระทำที่พ้นขั้นตระเตรียม แต่ผลยังไม่เกิดเพราะยังมีการกระทำที่ต้องกระทำต่อไปอีก เช่น นายแดงจ้องปืนจะยิงนายดำ แต่ยังไม่ได้เหนี่ยวไกปืน การกระทำของนายแดงที่จ้องปืนไปที่นายดำ เป็นการกระทำที่ใกล้ชิดกับผลสำเร็จของความคิด คือใกล้ชิดกับผลคือความตายของนายดำ ถือว่านายแดงได้ลงมือกระทำความผิดบานฆ่านายดำ แต่เมื่อนายแดงยังไม่ได้เหนี่ยวไกปืน ถือว่านายแดงยังกระทำไปไม่ตลอด นายแดงจึงมีความผิดฐานพยามยามฆ่าผู้อื่นตามมาตรา ๒๘๘ , ๘๐
หรือ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๐๘๒/๒๕๔๙ 'นายเอกซึ่งเป็นคนขับรถน้ำมันปีนขึ้นไปบนถังน้ำมันและตัดซีลที่ผนึกฝาถังน้ำมันออกเพื่อลักน้ำมัน แต่ยังไม่ได้เปิดฝาถังน้ำมันก็ถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับได้เสียก่อน การตัดซีลที่ผนึกฝาถังน้ำมันออก เป็นการกระทำที่ใกล้ชิดกับผลสำเร็จของความผิด ถือว่านายเอกลงมือกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้างแล้ว แต่นายเอกยังไม่ได้ดูดเอาน้ำมันไป ถือว่านายเอกยังกระทำไปไม่ตลอด นายแดงและนายเอกจึงมีความผิดฐานพยายามลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้าง โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองทรัพย์ ตามมาตรา ๓๓๕(๓), (๑๑)'
หรือ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๕๗๒๕/๒๕๕๔ 'จำเลยที่ ๑ เพียงแต่นั่งคร่อมรถจักรยานยนต์เพื่อจะใช้กุญแจผีไขรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหาย โดยยังไม่ได้เอารถออกไป เป็นการลงมือลักทรัพย์แล้ว แต่กระทำไปไม่ตลอดเพราะเจ้าพนักงานตำรวจและผู้เสียหายมาถึงที่เกิดเหตุก่อน ทำให้จำเลยที่ ๑ เอารถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายไปไม่ได้ จำเลยที่ ๑ มีความผิดฐานพยายามลักทรัพย์ในเวลากลางคืน'
ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์นั้นมีความต่อเนื่องนะครับ การเอาทรัพย์ไปนั้นตลอดเวลาที่ทรัพย์อยู่กับเรามันเป็นภยันตรายของเจ้าของทรัพย์ตลอดเวลา เจ้าของทรัพย์มีอำนาจติดตามเอาทรัพย์ได้ตลอดเวลา
ที่มา
ติวเนติบัณฑิต สอบเนติ
|
|
ประพันธ์ เวารัมย์ [101.51.51.xxx] เมื่อ 14/01/2017 13:57
|