แนวข้อสอบภาค ก. (เตรียมสอบ ก.พ. หรือท้องถิ่น) |
|
อ้างอิง
อ่าน 779 ครั้ง / ตอบ 0 ครั้ง
|
ประพันธ์ เวารัมย์
|
ความรู้ทั่วไป เกี่ยวกับวิชาภาษาไทย
ตอนที่ 1 คำศัพท์
คำ คือถ้อยคำที่กล่าวออกมาให้รู้เฉพาะคำหนึ่งๆ เท่านั้น คำประกอบด้วยคำผสมอย่างน้อย 3 ส่วน คือ พยัญชนะต้น,สระ, เสียงหรือวรรณยุกต์ และมีส่วนอื่นๆ มาประกอบเข้าอีกด้วยตามความจำเป็น ได้แก่ ตัวสะกดและตัวการันต์
คำศัพท์ หมายถึงคำยากที่ต้องแปล, ตามหลักสูตรการสอบเข้ารับราชการจะทดสอบเกี่ยวกับ
1.การสะกดคำ
2.การอ่านคำ
3.ความหมายของคำหรือกลุ่มคำ
4.การเลือกใช้คำหรือกลุ่มคำ
การสะกดคำ ข้อสอบประเภทนี้เป็นการวัดการสะกดคำ โจทก์: จะกำหนดคำมาให้แล้วให้หาคำที่สะกดผิดหรือให้หาคำที่สะกดถูก
คำชี้แจง ให้หาคำที่สะกดผิดข้อละเพียงละคำตอบเดียว
1. ก.ภูษิต ข. ภูธร ค.ภูบาล ง.ภูวนัย* จ.ภูวเนตร
2. ก.ลำไย* ข.ชักใย ค.สายใย ง.ห่วงใย จ.เยื่อใย
3. ก.ตักบาตร ข.ลูกบาศ ค.บาดหลวง* ง.บาดทะยัก จ.บ่วงบาศก์
4. ก.วิวาท ข.เถรวาท ค.มุสาวาส* ง.โอวาท จ.วาทการ
5. ก.เสื้อเชิ๊ต ข.สมุดโน๊ต* ค.ไม้ก๊อก ง.ขนมเค้ก
การอ่านคำ ข้อสอบประเภทนี้ โจทก์ : จะกำหนดคำและคำอ่านมาให้แล้วให้เลือกคำอ่านผิดหรือ คำอ่านถูก กำหนดคำมาให้พร้อมทั้งคำอ่าน 5 คำ ให้พิจารณาคำว่าคำใดอ่านผิด หรืออาจถามโดยยกคำศัพท์พร้อมทั้งการอ่านมาให้ แล้วความว่าอ่านอย่างไรผิด หรืออ่านอย่างไรถูก หรืออาจจะถามคำอ่านว่ามีกี่พยางค์ หรือออกเสียงใดไม่ออกเสียงใด หรือกำหนดข้อความมาใช้ หาคำที่เขียนผิดในข้อความนั้น หรืออาจให้พิจารณาว่าคำที่กำหนดให้นั้นจะต้องนำข้อใดมาเติมจึงจะถูกต้อง
คำชี้แจง จงเลือกคำตอบที่ถูกเพียงคำตอบเดียว ข้อใดเป็นคำอ่านที่ถูกต้อง
1. “ประวัติศาสตร์”
ก. ประ – วัติ – ติ – สาด ข. ประ – หวัด – ติ – สาด*
ค. ประ – หวัด – สาด ง. ประ – วัด – สาด
2. “ผลิตภัณฑ์”
ก. ผะ – หลิ – ตะ – พัน ข. ผะ – หลิด – ตะ – พัน*
ค. ผลิด – ตะ – พัน ง. ผลิด – พัน
3. “ปรัชญา”
ก. ปรัด – ยา* ข. ปรัด – ชะ – ยา
ค. ปะ – รัด – ชะ – ยา ง. ปะ – หรัด – ชะ – ยา
4.ตัวย่อ “ศธ” อ่านคำเต็มที่ถูกต้องว่าอย่างไร
ก. สึก – สา – ทำ ข. สึก – สา – ทิ – กาน*
ค. สาด – สะ – นะ – ทำ ง. สา – ทา – สะ – นะ – สุก
5. “จรดพระมังคัล”
ก. จะ – รด – พระ – นัง –คัน ข. จด – พระ – นัง – คัน
ค. จะ – หรด – พระ – นัง – คัน* ง. จรด – พระ – นัง – คัน
ความหมายของคำหรือกลุ่มคำ ข้อสอบประเภทนี้ : โจทก์กำหนดให้เลือกข้อความที่มีความหมายตรงกับ คำ หรือข้อความที่กำหนดให้ หรืออาจให้อธิบายความหมายของสำนวน สุภาษิต คำพังเพย หรือให้เลือกคำที่มีความหมายตรงกันข้ามกับคำที่กำหนดให้ หรือแตกต่างไปจากคำอื่น
คำชี้แจง จงเลือกคำตอบที่ถูกที่สุดเพียงคำเดียว
1. “นอนหลับทับสิทธิ์”
ก.ไม่มีสิทธิ์ ข.ไม่แสดงหน้าที่ของตน
ค.ไม่เอาใจใส่ ใช้สิทธิ์ที่ตนมี* ง.ไม่รู้ว่าตนมีสิทธิ์
2. คำใดที่มีความหมายแตกต่างไปจากคำอื่น
ก.กรุณา ข.เมตตา ค.สงสาร ง.ชมเชย*
3. เธอทำไปเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ความหมายตรงข้ามกับคำใด
ก.รอบคอบ* ข.เลิ่นเล่อ ค.สะเพร่า ง.ประมาท
4. เขาเป็นคน ขี้ตืด อย่างมาก
ก.เห็นแก่ตัว ข.เห็นแก่ได้ ค.ละโมบ ง.ตระหนี่เหนียวแน่น*
5. “เสี้ยมเขาควายให้ชนกัน” เข้าลักษณะใด
ก.ศรศิลป์ไม่กินกัน ข.ยุให้ตำรำให้รั่ว*
ค.ถึงพริกถึงขิง ง.คดในข้องอในกระดูก
การเลือกใช้คำหรือกลุ่มคำ ข้อสอบประเภทนี้ : โจทก์จะกำหนดให้เลือกคำที่เหมาะสมเพื่อเติมในช่องว่าที่เว้นไว้ เพื่อให้ได้ความสมบูรณ์ถูกต้อง หรือคำใดในกลุ่มคำนั้นจึงเป็นคำที่เหมาะสมที่สุด เติมในช่องว่างของข้อความนั้นแล้วได้ความสมบูรณ์
คำชี้แจง จงเลือกคำที่เหมาะสมที่สุดเติมในช่องว่าง
1. ที่ห้องดนตรีมีระนาดสอง……………….
ก.ตัว ข. อัน ค. เลา ง. ราง*
2. คอยไปเถิด…………เขาจะต้องกลับมา
ก. ในไม่ช้า ข. ไม่นานนัก ค. ไม่กี่วัน ง. สักวันหนึ่ง*
3. จะลำบากยากเย็นอย่างไรเราก็ต้อง……………
ก. มานะ ข. กัดฟัน ค. อดทน* ง. ฮึดสู้
4. คนสวมเสื้อผ้าป้องกันความอายหรือ…………ตา
ก. อนาถ ข. ทุเรศ ค. อุจาด* ง. ระคาย
5. จักรเย็บผ้า…………นี้ใช้ดีมาก
ก. คัน ข. หลัง * ค. เครื่อง ง. อัน
ตอนที่ 2 การเขียน
การเขียน คือ การเรียบเรียงถ้อยคำ ข้อความ ได้อย่างถูกต้องและสละสลวยเขียนถูกต้องตามพจนานุกรม ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ ถูกต้องตาม สะกดการันต์ ตามหลักสูตร การเขียน ได้แก่ การเรียงข้อความการแต่งประโยค การย่อความ การเขียนอธิบายความหมายของคำ
การเขียน ผู้เขียนต้องเขียนอย่างถูกต้อง สามารถในการเรียงถ้อยคำให้เป็นประโยค และข้อความอย่างถูกต้องสละสลวย, เป็นการแสดงความรู้ ความคิด และความรู้สึก และความต้องการของผู้ส่งสารสื่อความหมายออกเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อให้ผู้รับสามารถอ่านเข้าใจในการรับทราบความรู้ความคิด ความรู้สึก และความต้องการสิ่งนั้น
หลักการเขียน การเขียนหนังสือต้องเขียนถูกและเขียนเป็น
การเขียนเป็น หมายถึงการเขียนเพื่อบอกให้ผู้อื่นรู้เรื่อง และเข้าใจเจตนาเอาความประสงค์ของผู้เขียนเรื่องการเขียนเป็นนี้ ต้องฝึกให้เกิดความชำนาญ จึงจะได้ผล
สมความมุ่งหมายของวิชาความสามารถในการใช้ภาษาไทย หากเขียนได้ยังไม่
เรียกว่า เขียนเป็น
การเขียนถูก หมายถึง เขียนได้ตามหลักเกณฑ์ การสะกดการันต์จึงเป็นเรื่องสำคัญในการใช้ภาษาไทย เพราะถ้าเขียนไม่ถูกความหมาย ความหมายก็เปลี่ยนไป เช่น อนุญาต หมายถึงยินยอม ยอมให้ ตกลง แต่ถ้าเขียนเป็นอนุญาต ความหมายก็เปลี่ยนไป ทั้งนี้เพราะคำว่า ญาติ ตามพจนานุกรรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2525 (ยาด,ยาติ) น.คนในวงศ์วานที่ยังนับรู้กันได้ทางเชื้อสายฝ่ายพ่อหรือฝ่ายแม่ หลักเกณฑ์การเขียนอยู่ในวิชาหลักภาษาไทยต้องฝึกบ่อยๆ จะเกิดความจำและเป็นประโยชน์ในการใช้ภาษาไทย
การเรียงข้อความ ข้อสอบประเภทนี้ : โจทก์จะให้พิจารณาข้อความที่เขียนมาให้แล้วให้เรียงข้อความเสียใหม่ ให้ถูกต้องเหมาะสมตาม หลักการใช้ภาษาไทย (เทคนิค ในการทำข้อสอบเรียงข้อความ ผู้สอบต้องอ่านโจทก์ที่เป็นข้อความ แต่ละข้อแล้วนำต่อกันจนเห็นว่าการต่อแบบใดดีที่สุด ก็เลือกคำตอบที่ให้ไว้,หลักการตอบ อย่างอ่านตัวเลขก่อน จงอ่านใจความให้เข้าใจเสียก่อนแล้วจึง เรียงตัวเลขมาเรียงกัน)
คำชี้แจง จงเรียงข้อความให้ถูกต้อง
1. 1.การที่ช่วยงานหลายๆข่ายงาน 2.ในสถาบันต่างๆ มีการปฏิบัติงานคล้ายๆกัน
3.จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้างแกนรวม 4.เพื่อประสานประโยชน์ร่วมกัน
ก.3 2 4 1 ข.2 3 4 1 ค.1 2 3 4* ง.4 3 2 1
2. 1.แนวทางแก้ไขปัญหาหากร่วมกันทำก็จะเป็นเรื่องดีมาก
2.ฉะนั้นโดยภาพรวมแล้ว
3.เมื่อแบ่งส่วนรับผิดชอบแล้วก็จะง่ายเข้า 4.ปัญหาที่เคยยากๆ
ก.1 2 3 4 ข.2 3 4 1 ค.4 3 2 1* ง.3 2 4 1
3. 1.เสียงที่นั่งอย่างเฉียบขาดนั้นเป็นเสียงผู้หญิง
2.เขาเคยเห็นผู้หญิงหลายคนฆ่าคนตาย
3.ซึ่งไม่ได้ทำให้เขาสบายใจเลยแม้แต่นิดเดียว
4.”ยืนอยู่นิ่งอย่างนั้นแหละ”
ก.2 1 4 3 ข.1 4 2 3 ค.2 3 4 1* ง.1 3 2 4
4. 1.มนุษย์โลกอาศัยพลังงานของสายน้ำ สายลม แสงแดด ไฟ สัตว์เลี้ยง และแรงงานคน
2.และมนุษย์ก็อยู่กับธรรมชาติด้วยความสันติสุขมาโดยตลอด
3.สมัยก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรมในยุโรป
4.เพื่อให้งานต่างๆ สำเร็จลุล่วง
ก.1 2 3 4 ข.4 1 2 3 ค.3 1 4 2* ง.1 3 2 4
5. 1.รางวัลชนะเลิศเป็นโล่รางวัลของประธานรัฐสภา
2.รางวัลรองชนะเลิศเป็นโล่รางวัลของประธานสภาผู้แทนราษฎร
3.พร้อมใบประกาศเกียรติคุณและทุนการศึกษา 2,000 บาท
4.พร้อมใบประกาศเกียรติคุณและทุนการศึกษา 3,000 บาท
ก.1 2 3 4 ข.4 3 2 1 ค.2 4 1 3 ง.1 4 2 3*
การแต่งประโยค ข้อสอบประเภทนี้ : โจทก์จะให้พิจารณาประโยคแต่ละประโยคว่า ประโยคใดแต่งได้ถูกต้องตามหลักภาษามากที่สุด
คำชี้แจง จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว
1. ข้อใด ไม่ เป็นประโยค
ก. ท้องทะเลสีคราม*
ข. ห้องนี้จุคนได้น้อย
ค. มรรยาทของเขาดีมาก
ง. ฝันสลายเมือรู้ความจริง
อ่านประโยคในข้อ 1 – 4 แล้วตอบคำถามข้อ 3 – 5
1.เขาคนเดียว 2.ใครที่มากับเขา
3.ใครคนหนึ่งล้มลง 4.เราไม่ชอบอาหารรสเผ็ด
3.ข้อใดเป็นประโยคปฏิเสธ
ก. 1 ข. 2 ค. 3 ง. 4*
4.ข้อใดไม่เป็นประโยค
ก. 1* ข. 2 ค. 3 ง. 4
5.ข้อใดเป็นประโยคบอกเล่า
ก. 1 ข. 2 ค. 3 * ง. 4
การย่อความ ข้อสอบประเภทนี้ โจทย์ : จะกำหนดข้อความมาให้แล้วย่อใจความหรือสรุปสาระสำคัญ,หรือให้ข้อความมาแล้วให้ตั้งชื่อเรื่อง,หรือถามว่าข้อความมีใจความโดยย่อตรงกับข้อใด
คำชี้แจง จงอ่านข้อความข้างล่างนี้แล้วตอบคำถาม
“นางสิริกร มณีรินทร์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้ตอบข้อซักถามของผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับการกวดขันจรรยาของครูว่า กระทรวงศึกษาธิการพิจารณาเห็นว่าครูและบุคคลทั่วไป เห็นแบบฉบับของความดีงาม ถูกต้องของสังคม กระทรวงศึกษาธิการจึงได้กวดขันในเรื่องจรรยามารยาทครู นับตั้งแต่การแต่งกาย ควรจะเป็นระเบียบเรียบร้อยสมแก่ตำแหน่งฐานะ ไม่ใช่แต่งกันตามสบายอย่างอาชีพอื่นซึ่งเครื่องแต่งกายอื่น นอกจากจะเป็นการสร้างบุคลิกภาพแล้วยังบอกความเป็นใครด้วย
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการกล่าวต่อไปอีกว่า นอกจากเสื้อผ้าอาภรณ์การแต่งกาย แล้วการวางตัวของครูเป็นเรื่องที่กระทรวงศึกษาธิการจะพิจารณาเข้มงวดกวดขันด้วยให้พยายามละเว้นอบายมุข เช่น การสูบบุหรี่ ดื่มสุรา เล่นการพนัน เป็นต้น โดยจะขอความร่วมมือจากครู อาจารย์ ตลอดจนผู้บังคับบัญชาด้วย ทั้งนี้เพื่อให้ภาพพจน์ เกียรติยศ ชื่อเสียงของครู เป็นที่น่านิยมยกย่องแก่บุคคลในวงการทั่วไป”
1.ข้อความข้างบนมีใจความโดยย่อความกับข้อใด
ก.กระทรวงศึกษาธิการกวดขันในเรื่องการแต่งกายของครู
ข.นางสิริกร มณีรินทร์ ตักเตือนให้ครูดำรงตนเป็นปูชนียบุคคลและพยายามละเว้นอบายมุข
ค.รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการให้ครูช่วยสร้างภาพพจน์ เกียรติยศ ชื่อเสียงของครู
ง.รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการตอบข้อซักถามของผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับการกวดขันจรรยาของครู*
จ.รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการให้สัมภาษณ์ นโยบายรีบด่วนที่เกี่ยวกับครู
2.ข้อความข้างต้นนี้ควรตั้งชื่อเรื่องตามข้อใดจึงเหมาะสมที่สุด
ก.ปูชนียบุคคล ข.การแต่งกายของครู
ค.การกวดขันจรรยาของครู* ง.ภาพพจน์ของกระทรวงศึกษาธิการ
จ.นโยบายที่เกี่ยวกับครู
การเขียนอธิบายความหมายของคำ ข้อสอบประเภทนี้ โจทย์ : จะให้เขียนข้อความสั้นๆ ของคำแต่ละคำ โดยอธิบายความหมายของคำ ให้ถูกต้องตามความหมายของคำแต่ละคำนั้นหรือให้เลือกคำเติมในช่องว่างที่ให้ไว้ถูกต้องสมบูรณ์เทคนิคในการทำข้อสอบ ต้องจำคำสุภาษิต,คำพังเพย,สำนวนที่พบบ่อยๆ และรู้ความหมายของวลีเดิม
ตัวอย่าง การเขียนอธิบายความหมายของคำ
คำชี้แจง จงเลือกคำสั่งวลีที่ให้ไว้ในช่องว่างให้ถูกต้องสมบูรณ์
1. ก.กล่าว ข.อ้าง ค.นำ* ง.บอก จ.พูด
2. ก.ส่วนแรก ข.ประการแรก* ค.ข้อแรก ง.เบื้องต้น จ.เรื่องแรก
3. ก.เลิก ข.ทิ้ง ค.หยุด* ง.ทิ้งขว้าง จ.ละทิ้ง
4. ก. พัฒนาการ ข.วิวัฒนาการ ค.พัฒนา* ง.เปลี่ยนแปลง จ.เติบโต
5. ก.เสียเลย ข.เสียทีเดียว* ค.เป็นอันขาด ง.อย่างเด็ดขาด จ.ของคนเสีย
6. ก.ถูก ข.ควร ค.ชอบ* ง.ดี จ.งาม
7. ก.จง ข.อย่า ค.และ* ง.ให้ จ.อนึ่ง
8. ก.อดีต ข.ปัจจุบัน ค.อนาคต ง.ฐานะ * จ.เงินเดือน
9. ก.เรียน ข.เตือน * ค.เน้น ง.บอก จ.ย้ำ
10. ก.ฉะนั้น* ข.สรุปแล้ว ค.เพราะฉะนั้น ง.ดังนี้ จ.โดยสรุป
ข้าพเจ้าจะขอ……1…..เอาข้ออันควรประพฤติปฏิบัติเฉพาะที่สำคัญๆ มาตักเตือนท่านไว้ ดังต่อไปนี้
ใน…..2….ก็คือเรื่องการศึกษา ซึ่งส่วนมากมักจะเข้าใจผิดกันว่า ตนได้ศึกษามานานพอแล้ว และพากัน….3….เสีย อันนี้นับว่าเป็นการเข้าใจผิดอย่างสำคัญที่สุด จริงอยู่ในการทำงานนั้นเราต้องการใช้ความสามารถเป็นประการสำคัญ แต่ก็ขออย่างได้ลืมเสียว่า บันได้ที่จะนำเราไปสู่ความเป็นผู้มีความรู้ความสามารถได้อย่างดีนั้น ก็คือการศึกษามั่นคง และยิ่งในสมัยที่วิชาการของโลกกำลังมี…4…ไปสู่การเป็นผู้ล้าสมัยได้อย่างน่าเสียดายที่สุดฉะนั้นสิ่งสำคัญประการแรกที่ข้าพเจ้าอยากเตือนท่านไว้ในโอกาสนี้ก็คือ จงอย่างได้ละทิ้งการศึกษา…..5….
ในประการที่ 2 เป็นเรื่องเกี่ยวกับความประพฤติของท่าน เพราะการออกไปเป็นนายทหารนั้นท่านจะเป็นอิสระ และมีโอกาสพบปะกับบุคคลต่างๆ มากกว่าเมื่อครั้งยังเป็นนักเรียนอยู่ ด้วยเหตุนี้จึงมีความจำเป็นที่ท่านจะต้องรู้จักบังคับตัวของตนเองให้รู้จักประพฤติปฏิบัติแน่ในสิ่งที่…..6…. เช่นในการระมัดระวังในเรื่องกิริยามารยาท การประหยัด การคบหาแต่เพื่อนที่ดี และการรักษาความสามัคคีในหมู่คณะเหล่านี้ เป็นต้น จงทำตามแต่ตัวอย่างที่ดี…7….พึงหลีกหนีความชั่วทั้งหลาย เช่นการดื่มสุราจนเมามาย หรือการใช้จ่ายที่ไม่คำนึงถึง….8….เหล่านี้เสียข้าพเจ้าขอ….9…ว่าเรื่องเสียความประพฤตินี้ได้เคยทำลายอนาคตอันสุกใสของนายทหารมามากต่อมากแล้ว จนต้องออกจากราชการไปก็มีตัวอย่างอยู่…..10…. จึงขอให้ท่านพึงระมัดระวังให้จงหนัก
ตอนที่ 3 ความเข้าใจภาษา
ความเข้าใจภาษา หลักสูตรทดสอบเกี่ยวกับการอ่าน จับใจความ การทำความเข้าใจเกี่ยวกับ เรื่องราว บทความหรือข้อความที่กำหนดให้ แล้วตอบคำถามในแต่ละบทความ หรือข้อความนั้นรวมทั้งการสรุปความ การตีความ และขยายความด้วย
ความเข้าใจภาษา นิยมใช้วัดความสามารถทั่วไปอย่างมาก ข้อสอบจะกำหนดสถานการณ์ซึ่งอาจจะเป็นบทความ ภาพหรือสิ่งอื่นๆ ให้แล้ว จะถามผู้สอบว่า มีความเข้าใจสถานการณ์ในการอ่านนั้นเพียงใด การตอบข้อคำถามจำเป็นต้องอาศัยสถานการณ์เสนอแนวทางการถามมักจะถามให้วิเคราะห์สถานการณ์ เช่น ควรตั้งชื่อบทความนี้ว่าอย่างไร ผู้เขียนมีความประสงค์ใด บทความนี้ให้แนวคิดเราอย่างไร อาจสรุปข้อความนี้ได้อย่างไร ข้อความนี้มีประเด็นสำคัญใด จุดใดเป็นหัวใจของบทความนี้
ข้อความความเข้าใจภาษา ไม่นิยมถามความจำ ยิ่งเป็นข้อสอบคัดเลือกด้วยแล้วลีลาการตอบจะต้องใช้ความคิดอย่างดีจึงตอบได้ ซึ่งอาจจะถามให้แปลความหมายตีความหมายพยากรณ์ผล แก้ปัญหาวิเคราะห์ปัญหา คือถามหาเหตุผล การให้ประเมินเหตุการณ์ในข้อความนั้นผู้ตอบต้องคิดให้รอบคอบก่อนตอบข้อสรุปทุกครั้งเสมอ
แบบการทำความเข้าใจข้อความ ข้อสอบประเภทนี้ โจทก์ : จะกำหนดข้อความมา
ให้อ่านเมื่ออ่านข้อความที่กำหนดให้แล้ว ตอบคำถามแต่ละข้อที่โจทก์กำหนดไว้
คำชี้แจง จงอ่านข้อความต่อไปนี้แล้วตอบคำถามข้อ 1-10
“คนไทยเรามีลักษณะอย่างหนึ่งคือ พร้อมจะเสียเงินในหลายๆ เรื่อง แต่กับเรื่อง
ของภาษีถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ขอเลี่ยงไว้ก่อนดีกว่า ซึ่งหลายคนใช้เหตุผลว่า การที่
พวกตนไม่อยากเสียภาษี ใจจริงแล้วพร้อมที่จะเป็นพลเมืองดี เสียภาษีเต็มเม็ดเต็ม
หน่วย ถ้ารัฐจะสร้างความมั่นใจให้กับพวกตนได้ว่าเงินภาษีที่เก็บไปนั้น รัฐได้นำไป
ใช้ประโยชน์ต่อสาธารณะชนต่างๆ อย่างแท้จริง ไม่ใช่ไปหล่นอยู่ในกระเป๋าของ
ใครต่อใคร เสียกว่าครึ่ง เพราะที่ผ่านมา ชั่วความ เรื่องการคอรัปชั่นมีให้ได้ยินกัน
หนาหู รวมไปถึงการนำภาษีอากรไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ มิได้ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อ
สาธารณชน เพียงหวังอยากสร้างอำนาจหรือเอื้อประโยชน์ กลุ่มอย่างเดียวแล้ว
ใครเขาจะอยากเสียภาษีกันละ”
1.ข้อใดเป็นเหตุผลที่ผู้เขียนอ้างว่าคนไทยบางคนไม่ชอบเสียภาษี
ก.ขี้เหนียว
ข.รายได้ไม่พอเสียภาษี
ค.ไม่มั่นใจในการใช้เงินเสียภาษีของรัฐบาล*
ง.มองไม่เห็นความสำคัญของเสียภาษี
2.”สาธารณชน” ในที่นี้หมายถึงอะไร
ก.ประชาชนทั่วไป ข.ความสุขของประชาชน
ค.สมบัติของประชาชน* ง.ประชาชนบางกลุ่ม
3.คำว่า “คอรัปชั่น” ควรใช้เป็นภาษาไทยอย่างไร
ก.การคดโกงเพื่อหวังสร้างอำนาจ* ข.ความเห็นแก่ได้
ค.ความโลภ ง.ทุจริต
4.การนำเงินภาษีอากรไปใช้ผิดวัตถุประสงค์เกิดผลเสียอย่างไร
ก.เสียงประมาณ ข.เศรษฐกิจ*
ค.เงินไม่พอใช้ ง.ขาดดุลการค้า
5.ผู้เขียนกล่าวว่าเงื่อนไขที่คนไทยพร้อมจะเสียภาษี คือข้อใด
ก.รัฐบาลนำเงินภาษีไปใช้อย่างถูกต้อง*
ข.รัฐบาลปราบคอรัปชั่นเป็นผลสำเร็จ
ค.รัฐบาลไม่ทำการเพื่อหวังสร้างอำนาจ
ง.รัฐบาลไม่เห็นแก่คนบางกลุ่ม
6.คำในข้อใดที่มีความหมายต่างจากคำ “เลี่ยง”
ก.ไม่ตรง ข.เสี่ยง* ค.หลีก ง.หลบ
7.บทความนี้ผู้เขียน เขียนจากข้อมูลใด
ก. ความเป็นจริง
ข.การสำรวจความเห็น*
ค.ความเห็นของคนไทยส่วนใหญ่
ง.ความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนเอง
8.ผู้เขียนมีวัตถุประสงค์อย่างไรในการเขียนบทความนี้
ก.ให้แตกความสามัคคี
ข.ให้คนไทยเกลียดชังรัฐบาล
ค.ให้รัฐบาลปรับปรุงการใช้จ่ายเงินภาษีอากร*
ง.ให้รัฐบาลเลิกเก็บภาษีจากประชาชนชาวไทย
9.ผู้เขียนมีความเห็นว่าคนไทยมีลักษณะอย่างไร
ก.ขี้เหนียว ข.ไม่ทุจริต
ค.เจ้าสำราญ ง.ใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือย*
10.การเสียภาษีมีลักษณะอย่างไร
ก.ทุกคนต้องเสียภาษี ข.ผู้มีรายได้ต้องเสียภาษี*
ค.ยอมให้มีการหลีกเลี่ยงได้ ง.ใครจะเสียภาษีได้ไม่เสียก็ได้
แบบทำความเข้าใจบทความ,บทสนทนา
แบบทำความเข้าใจบทความ บทสนทนา ข้อสอบประเภทนี้ : โจทย์จะกำหนดบท
สนทนามาให้อ่านบทสนทนาที่กำหนด แล้วตอบคำถามแต่ละข้อที่กำหนดไว้,ข้อ
สอบสรุปความ จะกำหนดบทความมาให้ สรุปผ่อนคลายอารมณ์ เป็นเครื่องช่วยให้
มีมนุษย์สัมพันธ์ได้ดีที่สุด ทั้งเป็นเครื่องช่วยให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน
อีกด้วย สิ่งที่จะนำมาเป็นหัวข้อสนทนานั้นไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นเรื่องหนัก หรือ
สลักสำคัญเสมอไป เช่น เรื่องที่เขียนไว้ในตำรา หรือเรื่องการเมือง ฯลฯ แต่เรื่อง
เบาๆ สมอง เช่น อาหาร ความรัก ชีวิต การท่องเที่ยว ฯลฯ
คำชี้แจง อ่านบทสนทนาแล้วตอบคำถาม
คนแรก “ข้าไม่อยากขับรถเข้ากรุงเทพฯ เอ้ย….พับผ่า ขนาดวันเวย์แล้วรถยังติด
แทบเขยื้อนไม่ได้”
คนที่สอง “วันเวย์ไม่ได้ผลเพราะรถยนต์มีมากขึ้นทุกวัน กรมตำรวจกำลังทดลอง
วิธีใหม่คราวนี้รับรองได้ผล รถยนต์บนท้องถนนจะมีน้อยลง การจราจรก็จะเริ่มคล่องตัว”
คนแรก “ ตำรวจเขามีวิธียังไง”
คนที่สอง “สนับสนุนให้สร้างโรงแรมม่านรูดเยอะๆ “
1.ลักษณะของการสนทนาเป็นแบบใด
ก.อภิปราย ข.ปรึกษา ค.วิจารณ์* ง.ปรับทุกข์ จ.บอกเล่า
2.คนที่หนึ่งไม่ชอบอะไร
ก.วันเวย์ ข.รถติด ค.กรุงเทพฯ* ง.ตำรวจ จ.โรงแรมม่านรูด
3.คนที่สองพูดในลักษณะใด
ก.ท้าทาย ข.ประชด* ค.รำคาญ ง.เพ้อเจ้อ จ.จริงจัง
4.สองคนนี้น่าจะสนทนากันที่ไหน
ก.ชานกรุงเทพฯ * ข.ในกรุง
ค.ที่ทำงาน ง.ที่บ้าน
จ.ในโรงแรมม่านรูด
บทกลอนหรือโคลง
ข้อสอบประเภทนี้ โจทย์ : จะยกบทประพันธ์หรือบทกลอนให้อ่าน และให้ทำความ
เข้าใจกับคำประพันธ์หรือบทกลอนนั้นแล้วตอบคำถาม
เทคนิค การตอบคำถามแบบสรุปความโดยการตีความหมายจากคำประพันธ์หรือ
บทกลอนผู้ตอบจะต้องเป็นผู้มีความเข้าใจ และรู้หลักเกณฑ์ของคำประพันธ์
ประเภทนั้นๆ ก่อนต้องอาศัยการอ่านและตีความจากคำประพันธ์เพื่อให้ได้ข้อสรุป
ในความหมายที่ได้จากคำประพันธ์โดยอาศัยความหมายของคำจากพจนานุกรม
ฉบับราชบัณฑิตยสถาน 2542 ประกอบโดยเฉพาะหลักเด่นของคำประพันธ์นั้น
อาทิเป็นคำประพันธ์ที่จัดอยู่ในกลุ่มเสาวรจนี นาที ปราโมทย์ พิโรธราหัง และ
สาปังคพิสัย ทั้งนี้เพื่อให้ได้บทสรุปความตามข้อสอบกับคำประพันธ์หรือบทกลอนนั้น
คำชี้แจง จงใช้คำประพันธ์นี้ตอบคำถามข้อ 1 และข้อ 2
“น้ำปลาโอชารส มาตรแม้นมดหมดเมืองมา
ได้ลิ้มชิมน้ำปลา จะดูดดื่มลืมน้ำตาล”
1.ข้อใดต่อไปนี้เหมาะที่จะใช้ในโอภาสใด
ก.เชิญชวน* ข.ชี้แจง ค.แจ้งความ ง.ประกาศ จ.โฆษณา
2.ผู้เขียนข้อความต้องการเน้นเรื่องใด
ก.น้ำปลา* ข.น้ำตาล ค.รสโอชา ง.นิยมมด จ.เปรียบคนกับมด
คำชี้แจง จากกลอนนี้จงตอบข้อ 3-5
“มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท อย่างให้ขาดสิ่งของต้องประสงค์
มีน้อยใช้น้อยค่อยบรรจง อย่าว่างลงให้มากจะยากนาน”
3.กลอนนี้แต่งเพื่ออะไร
ก.เตือนใจ ข.สอน*
ค.เปรียบเทียบ ง.แนะนำ
จ.ชี้แจง
4.เป็นคำประพันธ์ชนิดใด
ก.กาพย์ ข.กลอน* ค.โครง ง.ฉันท์ จ.ร่าย
5.วรรคใดมีสัมผัสดีที่สุด
ก.วรรคแรก ข.วรรคสอง ค.วรรคสาม* ง.วรรคสี่ จ.ทุกวรรค
ให้อ่านโครงสยามมานุสตินี้แล้วตอบคำถาม ข้อ 1-6
หากสยามยังอยู่ยั้ง ยืนยง
เราก็เหมือนอยู่คง ชีพด้วย
หากสยามพินาศลง ไทยอยู่ ได้ฤา
เราก็เหมือนมอดม้วย หมดสิ้นสกุลไทย
1.โคลงบทนี้กล่าวถึงเรื่องอะไร
ก.ความสามัคคี
ข.ความมีเอกราช *
ค.ความรักชาติ
ง.ความเจริญของชาติ
จ.ความมั่นคงของชาติ
2.เอกราชของชาติคล้ายกับอะไรของมนุษย์
ก.เลือดเนื้อ ข.ชื่อเสียง ค.ชีวิต* ง.จิตใจ จ.กำลังกาย
3.ถ้าชาติเสียเอกราชประชาชนจะเป็นอย่างไร
ก.เสียชีวิต ข.เสียกำลังใจ ค.เสียอิสรภาพ* ง.เสียอนาคต จ.เสียชื่อเสียง
4.ท่านอาจแสดงความรักชาติได้โดยวิธีใด
ก.เดินทางทั่วเมืองไทย ข.คบแต่เพื่อนคนไทย
ค.สั่งสอนเยาวชนไทยให้ดี*
ง.สอนวิชาประวัติศาสตร์ไทย
จ.พูดภาษาไทย
5.จากโครงบทนี้ผู้แต่งมุ่งแสดงอะไร
ก.ความกล้าหาญของคนไทย *
ข.ความมั่นคงของประเทศไทย
ค.ความสามัคคีของคนไทย
ง.ความเจริญของประเทศไทย
จ.ความรักสงบของคนไทย
6.ท่านคิดว่าผู้แต่งโคลงนี้เป็นบุคคลประเภทใด
ก.รักชาติยิ่งชีพ* ข.รักชื่อเสียง ค.รักความสัตย์ ง.รักความสงบ จ.รักชีวิต
อ่านข้อความนี้แล้วตอบคำถามข้อ 7-10
“มีเสียงตะโกนจากประตูหน้า “หน้าว่าง เหยียบเลยลูกพี่ 120”
7.คำว่า “เหยียบ” มีความหมายตรงกับข้อใด
ก.เร็ว ข.เร่ง* ค.วาง ง.กด จ.กระทืบ
8.เหตุการณ์นี้น่าจะเกิดขึ้นที่ใด
ก.ร้านเหล้า ข.บนรถเมล์ * ค.บนรถไฟ ง.บนรถแท๊กซี่ จ.ในโรงหนัง
9.ผู้พูดควรจะเป็นใคร
ก.นายตรวจ ข.ผู้โดยสาร ค.คนขับ ง.กระเป๋า* จ.ยังสรุปแน่นอนไม่ได้
10.ตัวเลข “120” หมายถึงอะไร
ก.ราคา ข.จำนวน ค.ระยะทาง ง.ความเร็ว* จ.จำนวนครั้ง
อ่านโคลงบทนี้แล้วตอบคำถามข้อ 11-16
ใครรานใครรุกด้าว แดนไทย
ไทยรบจนสุดใจ ขาดดิ้น
เสียเนื้อเลือดหลั่งไหล ยอมสละ สิ้นแล
เสียชีพไป่สูญสิ้น ชื่อก้องเกียรติงาม
11.โคลงบทนี้กล่าวถึงเรื่องใด
ก.การป้องกันประเทศ *
ข.การรุกราน
ค.การรักษาชื่อเสียง
ง.การรักษาชีวิต
จ.การเสียเลือดเนื้อ
12.คนใดตายอย่างมีเกียรติ
ก.นักปราชญ์ ข.นักเลง ค.นักรัก ง.นักรบ* จ.นักล้วง
13.ถ้าประเทศชาติถูกรุกราน คนไทยจะทำอย่างไร
ก.รักษาเกียรติไว้
ข.สละชีพเพื่อชาติ *
ค.รักษาชีวิตไว้
ง.ยอมสละแผ่นดิน
จ.ยอมสละทรัพย์สิน
14.คนที่ป้องกันประเทศชาติจนตัวตายจะเป็นอย่างไร
ก.ประเทศไม่เสียเอกราช
ข.เสียทรัพย์สิน
ค.ครอบครัวสุขสบาย
ง.ได้รับการยกย่อง *
จ.คนคิดสั้น
15.โคลงบทนี้ส่งเสริมลัทธิใด
ก.ชาตินิยม* ข.คอมมิวนิสต์ ค.เผด็จการ ง.ประชาธิปไตย จ.เสรีภาพ
16.ถ้าชาติถูกรุกรานควรทำอย่างไร
ก.รวมกำลังป้องกัน *
ข.สะสมอาวุธและเสบียง
ค.สร้างที่หลบภัย
ง.เดินขบวนประท้วง
จ.ร้องเพลงปลุกใจ
อ่านข้อความข้างล่างนี้ แล้วตอบคำถามข้อ 17-21
“สรรพากรยืนยันว่า โครงสร้างภาษีใหม่ที่จะเริ่มใช้ปี 2547 จะไม่รีดเลือดจากปู แต่จะอุดรูรั่ว ของภาษี ผู้มีรายได้เท่ากับรายได้ต่ำสุดของข้าราชการ จะไม่ต้องเสียภาษี”
17.ข้อความนี้ชี้ให้เห็นนโยบายเกี่ยวกับโครงสร้างภาษีใหม่อย่างไร
ก.จะเพิ่มภาษีมากขึ้น
ข.จะลดภาษีให้น้อยลง
ค.จะลดรายจ่ายของรัฐลง
ง.จะปรับปรุงวิธีการเก็บภาษี *
18. “ปู” ในที่นี้หมายถึงใคร
ก.นักธุรกิจ ข.ประชาชน* ค.พ่อค้าแม่ค้า ง.ข้าราชการชั้นผู้น้อย
19.อะไรเป็นเหตุผลให้สรรพากรปรับปรุงโครงสร้างภาษีใหม่
ก.เพื่ออุดช่องโหว่ของภาษีเงินได้ของรัฐ
ข.เพื่อหาทางเพิ่มพูนรายได้แก่ประชาชนทุกฝ่าย
ค.เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ประชาชนทั่วไป
ง.เพื่อสนองนโยบายรัฐบาลในการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย *
20.สิ่งใดเป็นผลสืบเนื่องจากการกระทำในเรื่องนี้
ก.ข้าราชการจะไม่ต้องเสียภาษี
ข.จะไม่มีรูรั่วของภาษีที่คนจะหลบเลี่ยงได้อีก
ค.ประชาชนจะไม่ต้องเสียภาษีเพิ่มอีกต่อไป
ง.ผู้มีรายได้น้อย จะไม่ต้องเสียภาษี *
21. “รีดเลือดจากปู” มีความหมายตรงกับข้อความใด
ก.การเก็บเงินจากคนมั่งมี
ข.การเก็บเงินจากนักธุรกิจ
ค.การเอาเงินจากข้าราชการและประชาชน
ง.การเอาเงินจากคนไม่ค่อยมีเงิน *
อ่านข้อความข้างล่างนี้ แล้วตอบคำถามข้อ 22-27
“เสือมีเพราะป่าปก และป่ารกเพราะเสือยัง ดินเย็นเพราะหญ้าบัง และหญ้ายังเพราะดินดี”
22.คำประพันธ์นี้ชี้ให้ผู้อ่านเห็นในเรื่องใด
ก.โลกต้องพึ่งพาอาศัยกัน*
ข.สัตว์และพืชต้องอาศัยกัน
ค.โลกเปรียบเหมือนโรงละคร
ง.ความสมดุลของธรรมชาติ
23.คำประพันธ์ข้างต้นนี้ จัดอยู่ในประเภทใด
ก.โคลง ข.ฉันท์ ค.กาพย์ * ง.กลอน
24.ผู้แต่งใช้วิธีการใดจูงใจผู้อ่าน
ก.เปรียบเทียบ ข.ชักจูง ค.ยั่วยุ ง.ยกตัวอย่าง*
25.คำใดมีความหมายตรงข้ามกับคำว่า รก
ก.บาง ข.โล่ง ค.เตียน* ง.ห่าง
26.คำประพันธ์นี้สอดคล้องกับคำพังเพยหรือภาษิตใด
ก.ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น
ข.สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ
ค.เข้าเถื่อนอย่าลืมพร้า
ง.ผัวหาบเมียคอน *
27.ควรใช้คำประพันธ์นี้ประกอบความเรียงเรื่องใด
ก.ความรักชาติ
ข.ความสามัคคี *
ค.ปลูกไมตรีอย่ารู้ร้าง
ง.การไม่ทำบาป นำสุขมาให้
จงอ่านข้อความต่อไปนี้ แล้วตอบคำถามข้อ 28-31
“ความรัก ความรักเจ้าขา จู่ๆ ก็มาไม่ทันตั้งตัว
เพียงพบหน้าตาสบตา ทำไมรักมาจ้องตามืดมัว
มองอะไรเขาดีไปทั่ว ดูจิตใจหวิวไหวเต้นรัว
กงจักรดอกบัวคิดกลัวเสียเมื่อไร”
28.คำประพันธ์นี้มีลักษณะอย่างไร
ก.ห่วงใย ข.บูชา ค.เพ้อฝัน* ง.ชักชวน
29.ข้อใดสรุปเนื้อความข้างต้นนี้ได้เหมาะสมที่สุด
ก.ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ
ข.ที่ใดมีรักที่นั่นมีความสุข
ค.ความรักทำให้คนตาบอด *
ง.กามเทพชักนำให้คนรักกัน
30. “กงจักรดอกบัว” หมายความว่าอย่างไร
ก.เห็นชอบเป็นผิด
ข.เห็นผิดเป็นชอบ*
ค.ลุ่มหลงในอบายมุข
ง.เอาความดีชนะความชั่ว
31.ข้อความใดมีความหมายเหมือนคำประพันธ์ข้างต้น
ก.ถึงม้วยดินสิ้นฟ้ามหาสมุทร ไม่สิ้นสุดความรักสมัครสมาน
ข.ความรักเหมือนโรคา บันดาลตาให้มืดมน *
ค.อันความกรุณาปรานี จะมีใครบังคับก็หาไม่
ง.เมื่อยามรักน้ำต้มผักก็ว่าหวาน พอเนิ่นนานน้ำอ้อยก็กร่อยขม
ทดสอบความสามารถด้านเหตุผล
32. ก.กระดาษ ข.โต๊ะ * ค.ดินสอ ง.ปากกา จ.หมึก
33. ก.บวก ข.หาร ค.เศษส่วน* ง.ลบ จ.คูณ
34. ก.น้ำคำ ข.น้ำใจ ค.น้ำมือ ง.น้ำส้ม* จ.น้ำหนัก
35. ก.ปากบอน ข.ปากมาก ค.ปากพล่อย ง.ปากจัด จ.ปากเหม็น *
36. ก.น้ำผึ้ง ข.น้ำตาล ค.น้ำหวาน ง.น้ำมะนาว* จ.น้ำอ้อย
37. ก.เพลงปรบไก่ ข.เพลงฉ่อย ค.เพลงพวงมาลัย ง.เพลงเร่เรือ จ.เพลงชาติ*
38. ก.บาสเกตบอล ข.แชร์บอล ค.วอลเลย์บอล ง.ฟุตบอล* จ.แฮนด์บอล
39. ก.ปากถ้ำ ข.ปากทาง ค.ปากเหว ง.ปากอ่าว จ.ปากตลาด *
40. ก.ปากร้าย ข.ปากจัด ค.ปากเสีย ง.ปากแตก* จ.ปากบอน
41.พ่อ แม่ ลุง…..
ก.น้อง ข.พี่ ค.ป้า* ง.น้า จ.ลูก
42.รถยนต์ ม้า เรือ……..
ก.ไถนา ข.แกะ ค.วัว ง.รถไฟ* จ.จรวด
43.สถาบัน วิทยาลัย มหาวิทยาลัย……….
ก.โรงแรม ข.โรงพิมพ์ ค.โรงเรียน* ง.โรงสี จ.โรงทาน
44.ความดี :หอม ความชั่ว: ?
ก.เหม็น* ข.เลว ค.ร้าย ง.ดำ จ.มืด
45.ครู : สอน พระ : ?
ก.สวดมนต์ ข.เทศน์ * ค.ลูกศิษย์ ง.อภิปราย จ.ท่อง
46. ต้นไม้ : ปุ๋ย คน : ?
ก.อาหาร ข.ข้าว ค.น้ำ ง.วิตามิน* จ.อากาศ
47. ช้าง : งวง คน : ?
ก.ปาก ข.มือ ค.เท้า ง.จมูก* จ.แขน
48. โตโยต้า : ญี่ปุ่น โฟล์ค : ?
ก.อังกฤษ ข.ฝรั่งเศส ค.เยอรมัน* ง.อิตาลี จ.สวีเดน
49.สาวลำพูนทุกคนเป็นคนสวย คงเดชมีภรรยาเป็นชาวลำพูน ฉะนั้น
ก.คงเดชเป็นคนรูปหล่อ
ข.คงเดชชอบเมืองลำพูน
ค.คงเดชเป็นชาวลำพูน
ง.ภรรยาคงเดชสวย *
จ.ยังสรุปแน่นอนไม่ได้
50.คนจีนขยันทุกคน นายดำ ขยัน ฉะนั้น
ก. นายดำ เป็นคนจีน
ข. นายดำ เป็นลูกเขยคนจีน
ค. นายดำ ทำงานกับคนจีน
ง. นายดำ ร่ำรวย
จ. ยังสรุปแน่นอนไม่ได้ *
51. ก.สูงกว่า ข. ข.ต่ำกว่า ค. ค.สูงกว่า ง. และ ก.ต่ำกว่า ง. ดังนั้น
ก. ค.สูงที่สุด* ข. ก.สูงที่สุด ค. ข.สูงกว่า ก.
ง. ก.ต่ำกว่า ข. จ.ยังสรุปไม่ได้
52.ค้างคาวเป็นสัตว์ที่มีใบหู และบินได้อย่างนก แต่นกไม่มีใบหู ดังนั้น
ก.ค้างคาวคือนก
ข.ค้างคาวไม่ใช่นก *
ค.สัตว์ที่บินได้ทุกชนิดเป็นนก
ง.สัตว์มีหูทุกชนิดเป็นค้างคาว
จ.สรุปแน่นอนไม่ได้
53.ศาสนาคริสต์ : ไม้กางเขน ศาสนาพุทธ : ?
ก.ธรรมจักร* ข.ไตรปิฎก ค.โบสถ์ ง.พระสงฆ์
54.ดินสอ : เขียน นาฬิกา : ?
ก.ชั่วโมง ข.เข็ม ค.เวลา* ง.เรือน
อ่านข้อความต่อไปนี้แล้วตอบคำถามข้อ 55-56
“18 เมษายน ขอเชิญทุกคนไปเลือกผู้แทน”
55.ข้อความนี้มีวัตถุประสงค์อย่างไร
ก.ชี้นำ ข.ชักชวน* ค.จูงใจ ง.บอกกล่าว
56.ข้อความนี้น่าจะเป็นของใครมากที่สุด
ก.ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ข.นักการเมือง
ค.ข้าราชการ* ง.หัวคะแนน
อ่านข้อความต่อไปนี้แล้วตอบคำถามข้อ 57-58
“ไม่มีชื่อ ไม่มีบัตร ไม่มีสิทธิ์”
57.ข้อความนี้จัดเป็นประเภทใด
ก.แนะนำ ข.ว่ากล่าว ค.บังคับ ง.ตักเตือน *
58.ข้อความนี้ต้องการผลในข้อใดมากที่สุด
ก.มีการเลือกตั้ง ข.มีชื่อและบัตร ค.การมีสิทธิ์* ง.การใช้สิทธิ์
อ่านข้อความต่อไปนี้แล้วตอบคำถามข้อ 59. \
“ถึงยากจนอย่างไรก็ไม่ว่า แต่พร้าขัดหลังมาจะยกให้”
59.ท่านคิดว่าผู้กล่าวน่าจะมี ค่านิยม อย่างไร
ก.ยกย่องการทำตามประเพณี
ข.ยกย่องความดี
ค.ยกย่องคนขยัน
ง.ยกย่องคนทำกิน *
60.แนวพลับพลึงขนานกับแนวกุหลาบ แต่ตั้งฉากกับแนวกระถิน รั้วบ้านตั้งฉากกับแนวกุหลาบ ฉะนั้น
ก.รั้วบ้านตั้งฉากกับแนวกระถิน ข.รั้วบ้านขนานกับแนวกระถิน *
ค.รั้วบ้านขนานกับแนวพลับพลึง ง.สรุปแน่นอนไม่ได้
คำชี้แจง จงเลือกข้อที่ถูกต้องที่สุด
1.การเมืองคืออะไร
ก. ความเป็นไปของบ้านเมือง ข.การเรียกร้องสิทธิต่างๆ
ค.การใช้อำนาจปกครอง* ง.สภาผู้แทนและวุฒิสภา
จ.การเลือกตั้งส.ส.
2.ข้อใดจัดเป็นสถาบันทางการเมือง
ก.มหาวิทยาลัย ข.ศาลากลางจังหวัด
ค.พนักงานการศึกษาแห่งชาติ ง.สำนักงานเลขาธิการรัฐสภา*
จ.ไม่มีคำตอบถูกต้อง
3.คำว่า สิทธิ หมายความว่าอย่างไร
ก. ความสามารถที่จะทำอะไรก็ได้
ข.ความสามารถที่จะทำและใช้สิทธิทางกรเมืองอย่างเต็มที่
ค.ประโยชน์ที่กฎหมายรับรองและให้ความคุ้มครอง*
ง.ทำอะไรตามใจคือสิทธิของคนไทย
4.ในระบบประชาธิปไตยคือข้อใดสำคัญที่สุด
ก.มีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
ข.ประชาขนมีเสรีภาพ
ค.มีรัฐธรรมนูญปกครองประเทศ
ง.อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน*
จ.มีการกระจาย อำนาจในการปกครอง
5.ข้อแสดงว่าระบอบประชาธิปไตยเสื่อม
ก.ไม่มีอิสระในการหาเสียง ข.ไม่มีประชาชนมาลงคะแนนเลือกตั้ง*
ค.ไม่มีประชาชนร่วมเป็นกรรมการ ง.ไม่มีคนฟังนักการเมืองปราศรัย
จ.ไม่มีกฎหมายพรรคการเมือง
6.สิ่งสำคัญประการแรกที่ทำให้ประเทศชาติเจริญคือข้อใด
ก.การศึกษาที่ดี* ข.ทหารที่เข้มแข็ง
ค.ประชารมาก ง.ทรัพยากรอุดม
จ.คณะรัฐมนตรีมาจากการเลือกตั้ง
7.เลือกตั้งผู้แทนราษฎรเพื่ออะไร
ก. ยกระดับการปกครองระอบอบประชาธิปไตย
ข.ยกระดับการบริหารประเทศ
ค.ครบขั้นตอนของระบอบประชาธิปไตย
ง.ให้ประชาชนมีสิทธิในการปกครอง*
จ.ให้ประเทศเพื่อนบ้านยอมรับ
8.จริยธรรมทางการเมืองระบอบเผด็จการ คำนึ่งถึงสิ่งใดเป็นสำคัญ
ก. ความเสมอภาค ข.เสรีภาพ
ค.อำนาจสมบูรณ์แห่งรัฐ* ง.ความเจริญของประเทศ
จ.ความยุติธรรมในสังคม
9.วัฒนธรรมทางการเมืองจะถูกปลูกฝังในตัวบุคคลได้ดีที่สุดในแหล่งใด
ก.โรงเรียน ข.ครอบครัว*
ค.ที่ทำงาน ง.สังคมโดยทั่วไป
จ.พรรคการเมือง
10.อำนาจอธิปไตยหมายถึงอะไร
ก.อำนาจของประชาชน ข.อำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศ*
ค.อำนาจทางรัฐสภา ง.อำนาจของรัฐบาล
จ.อำนายที่ใครจะทำเพื่ออะไรก็ได้โดยคนอื่นไม่มีสิทธิมาขัดขวาง
11.ประเทศที่มีการปกครองแบบใดจึงจะมีระบบกฎหมายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทั่วทั้งประเทศ
ก.รัฐเดี่ยว* ข.สหพันธ์
ค.สมาพันธ์ ง.สหภาพ
จ.สหรัฐ
12.ข้อใดไม่มีกล่าวไว้ในแนวนโยบายแห่งรัฐ
ก.การปราบปรามคอรัปชั่น ข.การเก็บภาษีอากร*
ค.สงเคราะห์ผู้ประสบภัย ง.สนับสนุนงานวิจัยในวิทยาศาสตร์ต่างๆ
จ.การรักษากฎหมายและความสงบเรียบร้อย
13.ประเทศไทยมีสภาสองสภาได้แก่สภาใดบ้าง
ก.รัฐสภากับสภาผู้แทนราษฎร ข.วุฒิสภากับรัฐสภา*
ค.วุฒิสภากับพุทธสภา ง.วุฒิสภากับสภาผู้แทนราษฎร
จ.สภาผู้แทนราษฎรกับสภาสูง
14.ท่านคิดว่าการเมืองเป็นเรื่องของใคร
ก.ประชาชนทุกคน* ข.รัฐสภาเท่านั้น
ค.พรรคการเมืองเท่านั้น ง.คณะรัฐมนตรีเท่านั้น
จ.ข้าราชการทุกคน
15.คนส่วนใหญ่เล่นการเมืองเพื่ออะไร
ก. ความมั่นคง ข.เกียรติยศชื่อเสียง
ค.อำนาจ* ง.กลุ่มของตนเอง
จ.สังคมสงเคราะห์
16.ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง แต่ไม่ไปใช้สิทธิถือว่าขาดคุณสมบัติข้อใด
ก.วัฒนธรรม ข.อุดมการณ์
ค.จริยธรรม* ง.อารยธรรม
จ.ทัศนคติ
17.อุปนิสัยอย่างไรส่งเสริมประชาธิปไตย
ก.ชอบระแวง ข.ชอบนินทา
ค.ชอบเอาเปรียบ ง.ไว้ใจผู้อื่น*
จ.เห็นแก่ตัวเอง
18.เนื่องจากประเทศในปัจจุบันมีประชากรมาก สถาบันใดที่มีความสำคัญมากในระบอบประชาธิปไตย
ก.สถาบันตัวแทน* ข.สถาบันชนชั้นนำ
ค.สถาบันทางเศรษฐกิจ ง.สถาบันทางสังคม
จ.สถาบันทางการประกอบอาชีพ
19.เพราะเหตุใดการออกเสียงเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ
ก.เป็นอภิสิทธิ์ของพลเมืองของประเทศ
ข.เป็นสิทธิและอำนาจของพลเมองของประเทศ*
ค.เป็นแต่เพียงสิทธิของพลเมืองของประเทศ
ง.เป็นทรัพยากรทางการเมืองของพลเมืองของประเทศ
จ.เป็นคุณสมบัติของพลเมืองของประเทศ
20.การปกครองที่ดีต้องยึดหลักอะไรบ้าง
ก.หลักกฎหมาย* ข.หลักประเพณี
ค.หลักทางศาสนา ง.หลักทางเศรษฐกิจ
จ.หลักทางสิทธิทางการเมือง
21.สิ่งที่รัฐบาลในระบอบประชาธิปไตยพึงรับฟังคืออะไร
ก. ความต้องการของคนกลุ่มน้อยต่างๆ ทั้งหลาย
ข.ความต้องการของประชาชนทั่วไป*
ค.ความต้องการของปัญญาชนที่มีการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย
ง.ความต้องการของกลุ่มอิทธิพลเท่านั้น
จ.ความต้องการที่เกิดขึ้นจากการชุมนุมเรียกร้อง
22.รัฐบาลในระบอบประชาธิปไตยจะต้องมีลักษณะอย่างไร
ก.มีความสามารถสูง ข.มีการรวมตัวอย่างมั่นคง
ค.มีอำนาจจำกัด* ง.มีประสบการณ์สูง
จ.มีความสามารถในการสืบต่องานสำคัญที่รัฐบาลชุดก่อนได้ทำไว้
23.การเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยของประชาชนในระบอบประชาธิปไตยนั้น จะกระทำได้ด้วยการมีส่วนร่วมในรูปใดๆ บ้าง
ก.การเลือกตั้ง การแสดงความคิดเห็น ข.การจัดตั้งรัฐบาล
ค.การจัดตั้งกลุ่มการเมืองหรือพรรคการเมือง
ง.การแสดงประชามติ จ.ถูกทุกข้อ*
24.ระบอบการปกครองใดที่ส่งเสริมความเป็นอารยธรรมของมนุษย์ชาติ
ก.อัตราธิปไตย ข.คณาธิปไตย
ค.อภิชนาธิปไตย ง.ประชาธิปไตย*
25.หลักสำคัญประการหนึ่งของการปกครองระบอบประชาธิปไตย ได้แก่อะไร
ก.การใช้อำนาจเพื่อประสิทธิผล
ข.การบังคับเพื่อความมั่นคงแห่งชาติ
ค.การใช้อิทธิพลเพื่อประสิทธิภาพ
ง.การรู้จักประนีประนอม*
จ.การจัดตั้งองค์การเพื่อประสิทธิภาพ
26.มนุษย์ในระบอบประชาธิปไตยนั้น ควรจะมีลักษณะนิสัยประการใด
ก.จิตใจไม่คับแคบ
ข.ความเห็นอกเห็นใจระหว่างกัน และหาทางออกแห่งปัญญาร่วมกัน
ค.เชื่อมั่นและยึดถือแนวความคิดเห็นของตน
ง.ข้อ ก. และ ข.*
จ. ข้อ ข. และ ค.
27.การแข่งขันแบบใดที่ประชาธิปไตยส่งเสริมให้เกิดขึ้น
ก.แข่งขันกันอย่างเต็มที่
ข.แข่งขันกันอย่างเสรี
ค.แข่งขันกันโดยยึดความสามารถทางทุกทางเป็นหลัก
ง.แข่งขันในการกระทำดี
จ.ข้อ ก. ข. และ ค. ถูก*
28.ความเสมอภาคระหว่างมนุษย์เกี่ยวข้องกับประชาธิปไตยโดยประการใด
ก.เป็นภูมิหลังของประชาธิปไตย
ข.เป็นขบวนการประชาธิปไตย
ค.เป็นปรากฏการณ์ของประชาธิปไตย
ง.เป็นหลักการของประชาธิปไตย*
จ.เป็นองค์ประกอบของประชาชน
29.อะไรเป็นสิ่งที่ประชาธิปไตยไม่ปรารถนา
ก.อำนาจคืออำนาจ * ข.อำนาจคือธรรม
ค.อำนาจแห่งความยุติธรรม ง.อำนาจแห่งมนุษย์ธรรม
จ.เมตตาธรรมคืออำนาจ
30.คุณค่าพื้นฐานของมนุษย์ที่ระบอบประชาธิปไตยต้องรักษาไว้ ได้แก่อะไร
ก.สิทธิเสรีภาพ ข.ความเสมอภาค
ค.ไมตรีจิตระหว่างมนุษย์ ง.ความสุขความเจริญร่วมกันของประชาชน
จ.ถูกทุกข้อ*
31.สิ่งหนึ่งซึ่งจะช่วยให้ประเทศไทยมีความเป็นอิสระมาช้านานได้แก่
ก.อาณาเขตของประเทศที่อยู่ห่างไกลจากประเทศอื่น
ข.การช่วยเหลือจากต่างประเทศ
ค.ความก้าวหน้าของประชาชนภายในประเทศ
ง.ความสามารถในการรักษาความสงบภายในและความสามรรถในการป้องกันประเทศด้วยวิธีต่างๆ*
จ.การรู้จักใช้นโยบายเป็นกลาง
32.หลักในการผลิตสินค้าที่ว่า “เมื่อผลิตสิ่งหนึ่งมากขึ้นก็ต้องผลิตสิ่งหนึ่งน้อยลง” เป็นปัญหามูลฐานทางเศรษฐกิจด้านใด
ก.ปัญหาว่าจะผลิตอะไร ข.ปัญหาว่าจะผลิตเมื่อไร
ค.ปัญหาว่าจะผลิตจำนวนมากเท่าใด*
ง.ปัญหาว่าจะผลิตอย่างไร จ.ปัญหาว่าจะผลิตเพื่อใคร
33.เศรษฐกิจ หมายถึงอะไร
ก.ระบบการทำมาหากิน* ข.ระบบการวางแผนครอบครัว
ค.ระบบการสะสมทุน ง.ระบบการเก็บภาษี
จ.ระบบการปรับปรุงที่ดิน
34.ความต้องการขั้นต้นทางเศรษฐกิจมีอะไรบ้าง
ก. คน ทรัพยากร ตลาด โรงงาน
ข. การศึกษาดี มีเงินใช้ ไร้โรคา พาให้สุขสมบูรณ์
ค. แรงงาน เครื่องจัก พาหนะ ธนาคาร*
ง. เครื่องอุปโภค เครื่องบริโภค ที่พัก ยารักษาโรค
จ.ความปลอดภัย ความสะอาด ความเจริญ ทางนวัตกรรม ความร่ำรวย
35.ข้อใดไม่ใช่แนวทางที่จะแก้ไขภาวะเงินเฟ้อได้
ก.เพิ่มปริมาณการผลิตสินค้า ข.ลดต้นทุนการผลิต
ค.เพิ่มเงินเดือนให้ข้าราชการ* ง.เก็บเงินเข้าธนาคาร
จ.ควบคุมราคาสินค้า
36.ปัจจัยในการผลิตทางเศรษฐศาสตร์ ได้แก่อะไรบ้าง
ก.ที่ดิน แรงงาน ทุน ผู้ประกอบการผลิต*
ข.ที่ดิน แรงงาน ทุน วัตถุดิบ
ค.ที่ดิน เงิน วัตถุดิบ ผู้ประกอบการผลิต
ง.โรงงาน ทุน วัตถุดิบ ผู้ประกอบการผลิต
จ.ทุนโรงงาน วัตถุดิบ กรรมกร
37.ตัวการที่ทำให้เราต้องดิ้นรนพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน นั้นคืออะไร
ก.สินค้า ข.ทรัพย์
ค.บริการ ง.ความต้องการ*
จ.วัตถุดิบ
38.ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมของไทยชนิดใดที่ผลิตได้โดยใช้วัตถุดิบในประเทศทั้งหมด
ก.กระดาษ ข.วิทยุ
ค.เหล็กกล้า ง.ปูนซีเมนต์
จ.สิ่งทอ*
39.ข้อเสียของระบบทุนนิยมคือ
ก.ก่อให้เกิดการผูกขาดทางเศรษฐกิจ* ข.ทำให้คนว่างงานมาก
ค.เป็นอุปสรรคต่อความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี
ง.แรงงานไม่มีอิสระในการเลือกตั้ง จ.ถูกทุกข้อ
40.ปัญหาขั้นพื้นฐานทางเศรษฐกิจ ได้แก่
ก.จะบริโภคอะไร ผลิตอะไร และผลิตเพื่อใคร
ข.จะใช้ทรัพยากรอย่างไร เพื่อใคร ที่ไหน
ค.การผลิตจะได้กำไร หรือขาดทุน
ง.จะผลิตอะไร จำนวนเท่าไร และจะผลิตเพื่อใคร*
41.ผู้บริโภคทำหน้าที่ของตนในทางเศรษฐกิจโดยมุ่งหวังว่า
ก.จะได้รับความพึงพอใจสูงสุด* ข.จะได้รับรายได้สุทธิสูงสุด
ค.จะได้รับกำไรสูงสุด ง.จะได้รับปัจจัยการผลิตสูงสุด
42.ปัจจัยในการพัฒนาเศรษฐกิจในปัจจุบัน ซึ่งสำคัญที่สุดจะขาดเสียมิได้คืออะไร
ก.ที่ดิน และแรงงาน ข.แรงงานและเทคโนโลยี
ค.เทคโนโลยีและทุน ง.ทุนและแรงงาน
จ.ที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ*
43.ผลิตภัณฑ์ในประเทศเบื้องต้น (GDP) กับผลิตภัณฑ์ในประเทศสุทธิ (NDP) แตกต่างกันในรายงานใดที่สำคัญ
ก.รายได้สุทธิจากต่างประเทศ ข.ภาษีธุรกิจทางอ้อม
ค.เงินทุนโอนจากธุรกิจ ง.ค่าสึกหรอหรือค่าใช้ทุน*
จ.ภาษีส่วนบุคคล
44.การรวมตัวกันของบุคคล เพื่อช่วยเหลือกันทางเศรษฐกิจและสังคม โดยไม่หวังผลกำไรเรียกว่าอะไร
ก.สมาคม ข.สหกรณ์*
ค.พรรคการเมือง ง.ชุมนุมผู้บริโภค
จ.องค์การรัฐวิสาหกิจ
45.รายได้ของผู้ซื้อราคาของสินค้า รสนิยม และสมัยนิยม เป็นตัวการกำหนดอะไร
ก.ดีมานต์* ข.ซัพพลาย
ค.ดอกเบี้ย ง.กลไกแห่งราคา
จ.ราคาจำหน่ายของสินค้า
46.ความสัมพันธ์ของมนุษย์ในสมัยก่อนที่รวมกันหาปัจจัยสี่ ต่อมาได้กลายเป็นความสัมพันธ์กันในทางใด
ก.การศึกษา ข.การคมนาคม
ค.ครอบครัว ง.เศรษฐกิจ*
จ.การปกครอง
47.ข้อใดมีผลทำให้การลงทุนในประเทศไทยซบเซาน้อยที่สุด
ก.คนไทยนิยมใช้ของไทย*
ข.กรณีพิพาทแรงงาน
ค.ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ปฏิบัติการรุนแรง
ง.ทิศทางการเมืองของประเทศไม่แน่นอน
48.กลุ่มอาเซียนมีจุดมุ่งหมายใดเป็นสำคัญ
ก.ร่วมมือทางการทหาร ข.ร่วมมือทางเศรษฐกิจ*
ค.ร่วมมือทางเศรษฐกิจและทหาร ง.ร่วมมือทางการกีฬา
จ.ร่วมมือกันป้องกันยาเสพติด
49.ปทัสถานใดเกี่ยวข้องกับการใช้คุณค่า และหลักศีลธรรม
ก.วิถีประชา ข.จารีตประเพณี*
ค.กฎหมาย ง.มารยาทในสังคม
จ.ข้อ ก. และ ข.
50.โครงสร้างของสังคมประกอบด้วยอะไรบ้าง
ก.กฎหมาย รัฐบาล และประชาชน
ข.กฎหมาย วิถีประชา และกฎศีลธรรม
ค.วัฒนธรรม สถานภาพ และบทบาท
ง.ปทัสถาน สถานภาพ และบทบาท*
จ.ปทัสถาน กฎหมาย วิถีประชา
|
|
ประพันธ์ เวารัมย์ [101.51.55.xxx] เมื่อ 14/01/2017 13:57
|