4 บัณฑิตเกียรตินิยม คณะบริหารฯเผยเคล็ดลับ เรียนอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ |
|
อ้างอิง
อ่าน 374 ครั้ง / ตอบ 0 ครั้ง
|
ประพันธ์ เวารัมย์
|

4 บัณฑิตเกียรตินิยม คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัย รามคำแหง เผยเคล็ดลับการเรียนในรั้วรามคำแหงต้องเข้าเรียน สม่ำเสมอ หมั่นสอบถามปัญหากับอาจารย์และรวมกลุ่มติว
น.ส.จิรนันท์ ฉันท์วิริยา บัณฑิตเกียรตินิยมอันดับ 1 คณะบริหารธุรกิจ สาขาธุรกิจระหว่างประเทศ ปัจจุบันเป็นเจ้าหน้าที่ธุรการประสานงาน (Administrative Officer) บริษัทพรอพเพอร์ตี้แคร์ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันมหาวิทยาลัยรามคำแหงมีการนำเทคโนโลยีต่างๆมาใช้เป็นสื่อการเรียนการสอน เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้กับผู้ที่ต้องการศึกษาหาความรู้ในทุกเพศทุกวัย สามารถเข้าศึกษาได้อย่างสะดวกและง่ายยิ่งขึ้น เช่น มีระบบ RU Cyber Classroom และ Course on Demand ทำให้สามารถเรียนและทบทวนบทเรียนได้ที่บ้าน รวมทั้งยังสามารถเลือกสอบในระบบ e-Testing สามารถเลือกวันเวลาสอบได้ ถ้าสอบไม่ผ่านยังสามารถสอบได้ในภาคปกติ อีกด้วย และหากสอบ e-Testing ผ่านแล้วจะได้ไม่ต้องเสียเวลาทบทวนบทเรียน ทำให้มีเวลาทบทวนวิชาอื่นมากขึ้น
“ดิฉันคิดว่าสิ่งสำคัญที่ทำให้สามารถสอบผ่านได้ คือ จะต้องมีการวางแผนการเรียน ถือเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ลำดับแรกต้องจัดตารางการอ่านหนังสือ และหมั่นทบทวนวิชาที่เรียนอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ ช่วงที่ใกล้สอบจะนัดติวหนังสือกับเพื่อนๆ เพื่อแบ่งปันความรู้ซึ่งกันและกัน ถือเป็นการช่วยให้เราได้ทบทวนบทเรียนไปในตัว ช่วงใกล้สอบก็จะมีนัดติวกันเองกับเพื่อนๆบ้าง เพื่อแชร์ความรู้และแนวข้อสอบกัน นอกจากนี้จะต้องฝึกทำข้อสอบเก่าๆ อีกด้วย”
น.ส.จิรนันท์ กล่าวต่อว่า การเรียนที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ทำให้ได้รับความรู้และสามารถนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในการทำงานได้เป็นอย่างดี ถึงบางครั้งสายงานที่ทำอาจจะไม่ตรงกับที่เรียนมาโดยตรง แต่สิ่งที่สำคัญคือ รามคำแหง” สอนให้มีความรับผิดชอบ หมั่นศึกษาหาความรู้อยู่ตลอดเวลา ปัจจุบันจะพยายามทำงานให้ดีที่สุด แต่อยากลองทำสายงานที่มีความหลากหลายมากขึ้น เพื่อหาแนวทางและเงินทุนศึกษาต่อในระดับปริญญาโทต่อไป
“รู้สึกประทับใจในบรรยากาศการเรียนการสอนที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงเพราะได้รับความอบอุ่นจากรุ่นพี่ และรุ่นน้อง ซึ่งทุกคนล้วนมีความตั้งใจที่จะมาเรียนกันทุกคน เพื่อนๆแต่ละคนมีการแบ่งปันเนื้อหาที่สรุปมาในแต่ละเทอม รวมทั้งอาจารย์ทุกคนที่มีความตั้งใจสอนให้นักศึกษาได้รับความรู้ทุกครั้ง แม้ว่าบางวันอาจจะมีนักศึกษาจำนวนน้อย แต่อาจารย์ก็ยังสอนอย่างเต็มที่ ไม่ว่าวันนั้นนักศึกษาจะมาเรียนน้อยแค่ไหน
รู้สึกภูมิใจและดีใจมาก ที่สามารถทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ คือเรียนให้จบเร็วที่สุด และสามารถจบได้ภายใน 2 ปีครึ่ง อีกทั้งผลการเรียนที่ออกมายังอยู่ในระดับที่ดี ทั้งนี้เพราะได้เห็นพี่สาวที่มีความมุ่งมั่นจนสามารถเรียนจบนิติศาสตร์ ม.รามคำแหง ในระยะเวลา 3 ปี ทำให้มีกำลังใจและเป็นแรงผลักดันให้มีความพยายามมากขึ้น ถือเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้ประสบความสำเร็จได้ในวันนี้ ซึ่งจุดเริ่มต้นที่ทำให้ประสบความสำเร็จ คือการตั้งเป้าหมายที่ต้องการเอาไว้ แล้วใช้ความเพียรพยายามความขยันและกำลังใจจากคุณพ่อ คุณแม่ และที่สำคัญ คือกำลังใจจากตัวเอง ทำให้เป้าหมายที่วางไว้ประสบความสำเร็จได้ในวันนี้ค่ะ”
นายปิยะวัฒน์ ปรีดาวัฒน์ บัณฑิตคณะบริหารธุรกิจ สาขาการบริหารทั่วไป เกียรตินิยมอันดับ 1 มหาวิทยาลัย รามคำแหงนั้น นอกจากเลือกคณะและสาขาที่ตนสนใจเรียนได้ตามอัธยาศัย แล้วยังมีข้อดีตรงที่มีสื่อการเรียนการสอนที่เหมาะสมกับนักศึกษา เช่น มีเทปคำบรรยายย้อนหลังสำหรับนักศึกษาที่ไม่สามารถเข้าเรียนได้ และยังสามารถนำเทปคำบรรยายมาเปิดดูเพื่อทบทวนบทเรียนได้หลายๆครั้งอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีการสอบในระบบ e-Testing ซึ่งเป็นระบบการสอบด้วยคอมพิวเตอร์ นักศึกษาเลือกวันเวลาสอบได้ และยังทราบผลการสอบทันที ถือเป็นการสอบที่มีความสะดวกรวดเร็วมาก คณาจารย์ที่รามคำแหงแต่ละคน ได้ให้คำปรึกษาเป็นอย่างดี
“ในช่วงที่เรียนนั้น ผมตั้งใจเรียนเพียงอย่างเดียว ทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับการเรียน และจะวางแผนการเรียนตั้งแต่การลงทะเบียน คือพยายามลงทะเบียนในแต่ละวิชา ให้มีวันสอบที่ไม่กระชั้นชิดกันโดยส่วนตัวแล้วคิดว่า ไม่ควรลงทะเบียนเรียนวิชาที่มีวันสอบติดๆกัน เพราะอาจจะทำให้มีเวลาไม่เพียงพอที่จะทบทวนวิชาที่จะสอบ
ในช่วงที่เปิดภาคเรียน นอกจากจะต้องเข้าเรียนเป็นประจำแล้ว หลังเลิกเรียนจะต้องทบทวนบทเรียนและสรุปสิ่งที่เรียนมาในแต่ละวัน จะใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง ในช่วงใกล้สอบจะใช้วิธีอ่านทบทวนวิชาที่จะสอบหลังสุดมาก่อน เพราะคิดว่าถ้าทุ่มเทกับวิชาสอบในช่วงแรกมากเกินไป จะทำให้มีเวลาไม่พอที่จะทบทวนวิชาที่จะสอบในช่วงหลัง”
นายปิยะวัฒน์ กล่าวต่อว่า จากการได้เข้ามาศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัยรามคำแหง ทำให้มีความรับผิดชอบ มีความอดทนมากขึ้น ฝึกฝนตนเองให้มีระเบียบวินัย ตรงต่อเวลา ซึ่งสิ่งที่ได้เหล่านี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการทำงานได้ทุกที่และ ในอนาคตวางแผนชีวิตไว้ว่า อยากจะศึกษาต่อในระดับ ปริญญาโทในปี 2558
“การที่ได้จบการศึกษาจากรั้ว “รามคำแหง” ทำให้รู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก เพราะรามคำแหงเป็นมหาวิทยาลัย ที่ฝึกคนให้มีความพยายามรู้จักทำทุกอย่างได้ด้วยตนเอง สำหรับคติประจำใจของผมที่อยากฝากไว้กับรุ่นน้องมีอยู่ว่า ความสำเร็จนั้นไม่ได้หล่นมาจากฟากฟ้า คุณต้องมีความตั้งใจ มุ่งมั่น ทุ่มเท และอดทนรอ ก็จะประสบความสำเร็จได้ดังที่ตั้งใจไว้ครับ”
นายวรวุฒิ มหาคีตะ บัณฑิตคณะบริหารธุรกิจ สาขาบริหารทรัพยากรมนุษย์ เกียรตินิยมอันดับ 2 ปัจจุบันทำงานที่ บริษัท บิซไชน์โซลูชั่น จำกัด ตำแหน่ง Back Office and Sales coordinator กล่าวว่า มหาวิทยาลัย รามคำแหงเป็นสถาบันการศึกษาที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาเลือกเรียนในคณะที่สนใจได้ และเปิดโอกาสให้กับผู้ที่ต้องทำงาน สามารถเรียนไปพร้อมๆกันได้ เพื่อจะได้เพิ่มโอกาสในการทำงานให้ดียิ่งขึ้น การเรียนที่รามคำแหงเป็นการเรียนตามอัธยาศัย และไม่บังคับให้ต้องเข้าเรียน ดังนั้นนักศึกษาจะต้องบังคับควบคุมตัวเองให้ได้ ถือเป็นการฝึกระเบียบวินัยให้กับตนเอง
“ขณะที่เรียนนั้น ผมจะเรียนตั้งแต่วันจันทร์ - ศุกร์ วันหยุด เสาร์ - อาทิตย์ จะกลับบ้านที่จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อช่วยพ่อแม่ทำงาน เพราะฐานะทางบ้านอยู่ในระดับปานกลาง จึงอยากจะแบ่งเบาภาระของครอบครัวไม่อยาก ให้พ่อแม่ต้องเหนื่อยมาก อะไรที่สามารถช่วยเหลือครอบครัวได้ก็จะทำอย่างเต็มที่ การเรียนที่รามคำแหง จะต้องรู้จักการวางแผนการเรียนให้ถูกต้องเพราะถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ผมจะเลือกลงทะเบียนเรียนวิชาที่มีเวลาเรียนและเวลาสอบไม่ตรงกัน อีกทั้งต้องคำนึงด้วยว่าวิชาที่ลงทะเบียนจะต้องสอบในระยะเวลาที่ห่างกันพอสมควร เพื่อจะได้มีเวลาในการอ่านหนังสือในช่วงสอบ อย่างเพียงพอ
ผมจะลงทะเบียน จำนวน 24 หน่วยกิต ในทุกเทอม ทำให้สามารถเรียนจบได้ภายใน 2 ปีครึ่ง ซึ่งการลงทะเบียนเรียนจะต้องเลือกลงวิชายากง่ายสลับกันไป ที่ผ่านมาผมตั้งใจจะเข้าเรียนโดยไม่ขาดเกิน 2 ครั้ง ในแต่ละวิชาคนที่ไม่ต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ควรรู้ตัวว่าเราโชคดีที่ไม่ต้องทำงาน ดังนั้นอย่าขี้เกียจ เพราะจะทำให้ติดเป็นนิสัย ขณะที่เรียนจะมีบางรายวิชาที่จะต้องเข้าเรียนเวลา 07.30 น. ทำให้ผมต้องตื่นประมาณ 05.00 น. เพื่อเตรียมตัวไปเรียนและในชั่วโมงเรียนจะตั้งใจจดคำบรรยายให้ได้มากที่สุด ถ้าเทอมไหนที่มีวิชายากก็จะไปติวที่สถาบันติวเพิ่มเติม นอกจากนี้ยังต้องหมั่นทบทวนบทเรียนอย่างสม่ำเสมออีกด้วย”
นายวรวุฒิ กล่าวต่อว่า การวางแผนอ่านหนังสือพยายามจะอ่านทบทวนให้ได้วันละวิชา วิชาละ 2-3 วัน ต่อสัปดาห์ สำหรับเคล็ดลับในการอ่านหนังสือ คือจะฝึกเขียน และสรุปเนื้อหาของแต่ละวิชาออกมาทุกบท และนำเนื้อหาที่สรุปมาทบทวนเรื่อยๆ วิธีนี้ทำให้สามารถจำได้ง่ายมากขึ้น ซึ่งสิ่งที่ได้จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง คือความขยันอ่าน อดทน รู้จักช่างสังเกต และทำให้รู้จักเอาตัวรอดได้ในสังคม และสิ่งที่ทำให้ประทับใจ คือ คณาจารย์แต่ละท่านล้วน มีความตั้งใจในการสอนลูกศิษย์ ทำให้ลูกศิษย์ได้รับความรู้ และประสบความสำเร็จได้จนถึงทุกวันนี้
“ขณะเรียนที่รามคำแหง ผมเชื่อว่าทุกคนต้องมีความรู้สึกท้อเกิดขึ้น ผมเองก็เคยรู้สึกท้อเหมือนทุกคน แต่ขอให้เชื่อว่าถ้าเรามีความขยัน และรู้จักทำทุกวันให้ดีที่สุดก็จะต้องประสบความสำเร็จ ผมรู้สึกว่าผมได้เลือกทางเดินที่ถูกต้องสำหรับตัวเองแล้ว การเลือกเรียนที่รามคำแหงถึงไม่ใช่มหาวิทยาลัยปิด แต่ผมเชื่อว่าบัณฑิตที่จบจากรามคำแหงก็ สามารถยืนหยั ดอยู่ในสั งคมได้อย่างสง่าผ่าเผยเช่นกัน”
น.ส.สุกัญญา สาดนอก บัณฑิตคณะบริหารธุรกิจ สาขาอุตสาหกรรมบริการ เกียรตินิยมอันดับ 2 ปัจจุบัน ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ประสานงาน บริษัท ยูนิเวอร์แซล เน็ทคอมโซลูชั่นส์ กล่าวว่า มหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นมหาวิทยาลัยที่เปิดโอกาสให้กับนักศึกษาที่มีฐานะทางบ้านยากจน ให้ได้รับโอกาสในการศึกษาต่อระดับอุดมศึกษา เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำงาน นอกจากนี้ยังเป็นมหาวิทยาลัยที่ฝึกให้นักศึกษามีความอดทนอีกด้วย
“การเรียนที่รามคำแหงไม่ได้บังคับให้ต้องเข้าเรียน ทำให้เรารู้จักความรับผิดชอบต่อหน้าที่มีความอดทน รู้จักบังคับจิตใจตัวเองให้มีระเบียบวินัยขณะที่เรียนก็ได้ทำงานพิเศษในช่วงวันหยุด แต่จะต้องจัดสรรเวลาให้ดี ถ้ามีเรียนจะเข้าเรียนทุกครั้ง ก่อนสอบจะสรุป เนื้อหาแต่ละวิชาและดูแนวข้อสอบเก่าๆนำข้อสอบเก่า มาฝึกลองทำดู
ตลอดระยะเวลาที่เรียนในมหาวิทยาลัย รู้สึกประทับใจเพื่อนๆที่ทำให้มีความสุขกับการเรียน คอยช่วยเหลือกันและภูมิใจที่สามารถสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง เพราะถือว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยกว่าจะเรียนจบได้จะต้องใช้ความอดทนต่อสิ่งแวดล้อมต่างๆ
อยากฝากถึงรุ่นน้องที่กำลังศึกษาอยู่ในขณะนี้ว่า ขอให้ตั้งใจเรียน พยายามเข้าเรียนอย่างสม่ำเสมอ ต้องรู้จักบังคับใจตนเองและอย่าทำงานพิเศษมากจนเกินไป เพราะอาจทำให้ไม่มีเวลาอ่านหนังสือ ต้องคิดเสมอว่า หน้าที่ของเราคือการเรียน ต้องให้ความสำคัญกับการเรียน เป็นลำดับแรก ไม่เช่นนั้นอาจทำให้เสียการเรียนได้”
|
|
ประพันธ์ เวารัมย์ [101.51.54.xxx] เมื่อ 14/01/2017 13:57
|