ศิษย์เก่ารามฯ แนะน้อง นศ. อ่านให้สำเร็จฯ ‘เริ่มต้นที่แบ่งเวลา-วางแผนชีวิต’
‘บรู๊ค’ ดนุพร ปุณณกันต์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ระบบบัญชีรายชื่อ ศิษย์เก่าปริญญาตรีและโทคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ฝากหลักคิด
“อ่านอย่างไร ให้ประสบความสำเร็จ” ต้องเริ่มต้นที่การแบ่งเวลาและวางแผนอนาคตให้ดี ซึ่งได้รับความสนใจจากนักศึกษารามคำแหงและผู้สนใจ
เข้ารับฟัง ในการจัดงานสัปดาห์ห้องสมุด ประจำปี2556 ณ ชั้น 1 อาคาร 1 สำนักหอสมุดกลางมหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื่อวันที่ 31กรกฎาคม 2556
บรู๊ค ดนุพร เล่าถึงประสบการณ์ของตนว่าสมัยที่เรียนจบ ม.ปลาย นักเรียนส่วนใหญ่อยากสอบเอ็นทรานซ์ ตนก็เป็นคนหนึ่งที่อ่านหนังสือสอบทุกวิชา ยกเว้นภาษาอังกฤษ อ่านยังไงก็ไม่เข้าหัวก็เลยไปเรียนพิเศษ แต่ก็ยังไม่เข้าใจเพราะไม่มีพื้นฐานมาแต่เด็ก เมื่อรู้ว่าตนเองชอบคำนวณจึงตัดสินใจสมัครสอบคณะแพทยศาสตร์ ม.รังสิต แล้วก็ติด
แต่เรียนไม่จบ เพราะตำราเรียนแพทย์และการสอบเป็นภาษาอังกฤษ ครูก็เป็นชาวต่างชาติ เมื่อพื้นฐานภาษาเราอ่อน ทำให้ผลการเรียนไม่ดีไปด้วย จึงตัดสินใจลาออกตอนเรียนปี 2 เพื่อไปเรียนภาษาอังกฤษที่
สหรัฐอเมริกา แล้วสอบเข้าเรียนชั้นปริญญาตรีที่นั่นจากนั้นมาก็เริ่มต้นชีวิตใหม่ ขยัน ตั้งใจเรียนภาษาอังกฤษและแบ่งเวลาอ่านหนังสือมากขึ้น พอจบชั้นปริญญาตรีก็เลือกเรียนปริญญาโทต่อ
ขณะเดียวกันก็เริ่มเข้าทำงานในวงการบันเทิง ทั้งเรียนปริญญาโทไปด้วยทำงานไปด้วย ทำให้ค้นพบว่า ชีวิตคนเราต้องรู้จักแบ่งเวลา และใบปริญญาบัตรก็เป็นใบเบิกทางในการทำงาน หลายคนอาจจะบอกว่าใบปริญญาสำคัญจริงหรือ ผมเชื่อว่าปริญญาบัตรมีความหมายทางสังคมว่า ครั้งหนึ่งในชีวิตคุณเคยประสบความสำเร็จในขั้นต้นของชีวิตหรือไม่ ถ้าวันหนึ่งน้องๆได้ไปทำงานจะรู้ว่า สิ่งที่ดีที่สุด คือ การเรียนหนังสือ
เพราะเป็นการรับผิดชอบแค่ตัวเองให้ดีที่สุดเท่านั้น
ศิษย์เก่าคนดัง กล่าวด้วยว่า ชีวิตคนเราไม่ว่าจะยุ่งแค่ไหน หรือเรียนเก่งเพียงใด ที่สำคัญ คือการมุ่งมั่นตั้งใจเรียนให้จบ หลายคนอาจคิดว่ากระดาษใบเดียวสำคัญจริงหรือ เห็นได้จากการรับสมัครงานคุณสมบัติแรกที่หน่วยงานต้องการก็คือ จบวุฒิปริญญาตรีจึงอยากให้น้องๆวางแผนการเรียนและวางแผนอนาคตให้ดี รวมถึงการปรึกษาครูอาจารย์ ซึ่งท่านจะช่วยแนะวิธีการอ่านหนังสือให้เข้าใจและตรงประเด็นถ้าน้องๆสามารถวางแผนการอ่านได้ดีเชื่อว่าทุกคนจะประสบความสำเร็จในชีวิต เหมือนเช่นผู้นำของโลกหรือผู้บริหารประเทศ ล้วนเป็นผู้ที่รักการอ่านทั้งสิ้น
“ผมเชื่อว่าน้องๆทุกคนมีพรสวรรค์ แต่พรแสวง
ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องไขว่คว้าหาความรู้ ผมเอง
หลังจากเรียนจบปริญญาโทจากสหรัฐอเมริกาแล้ว
ก็มาเรียนต่อปริญญาตรีและโท สาขารัฐศาสตร์อีก
เพราะสนใจเรื่องการเมือง ก็มาเรียนหนังสือเพิ่มเติม
เกี่ยวกับการเมืองการปกครองของไทย อย่างไรก็ตาม
อีก 2 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
ซึ่งไม่ใช่หน้าที่ของรัฐบาลที่จะเตรียมความพร้อมให้
ทุกคน แต่ประชาชนต้องรู้ว่า เราควรวางตัวอย่างไร
ให้เอาตัวรอดเมื่อเปิดประเทศ เพราะเป็นความร่วมมือ
กันทุกภาคส่วนในประเทศอาเซียน ทั้งเศรษฐกิจ
สังคม และวัฒนธรรม ซึ่งคนไทยต้องพัฒนาและ
สามารถประกอบอาชีพที่ทำงานได้ในประเทศอาเซียน
ทั้งหมด”
ทั้งนี้ ถ้าไทยเข้าสู่ประชาคมอาเซียนแล้ว นักศึกษารามคำแหงทุกคนมีโีอกาสที่จะเลือกศึกษาและทำงานในอาชีพที่เปิดกว้าง ขอให้เริ่มด้วยการอ่าน เพื่อศึกษาประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของประเทศ
เพื่อนบ้านให้เข้าใจ รวมถึงการรู้ภาษาอังกฤษ ทั้ง ฟัง พูด อ่าน เขียน ให้สื่อสารได้ อยากให้น้องๆเตรียมตัวเพื่อให้พร้อมสำหรับตลาดแรงงาน เพราะโลกของการทำงานนอกจากจะต้องมีหลักประกันความรู้แล้วน้องๆจะต้องรู้ว่า ตนเองทำอะไรให้หน่วยงานได้คุ้มค่ากับค่าจ้างหรือไม่ ขอให้น้องๆรู้จักแบ่งเวลา วางแผนการอ่าน วางแผนชีวิต พร้อมไปกับการสร้างตนเองให้มีคุณค่า ก็จะสามารถเดินหน้าชีวิตวัยเรียนและจบไปทำงานให้เป็นประโยชน์แก่ตัวเองและประเทศชาติได้สำเร็จ