บัณฑิตมนุษยศาสตร์คนเก่ง จบ ‘เกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญทอง’ |
|
อ้างอิง
อ่าน 575 ครั้ง / ตอบ 0 ครั้ง
|
ประพันธ์ เวารัมย์
|
สองบัณฑิตคนเก่ง คว้าเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เหรียญทองจากคณะมนุษยศาสตร ์เชื่อมั่นชีวิตในรั้วรามคำแหง สอนให้พยายาม-อดทน-รู้จักบริหารเวลา...วันนี้สำเร็จการศึกษาด้วยปริญญาเกียรตินิยม ปลื้มใจเป็นลูกพ่อขุนฯที่องอาจในสังคม
นางสาวอิสรีย์ เพิ่มทันจิตต์ บัณฑิตคณะมนุษยศาสตร์ สาขาวิชาฝรั่งเศส เกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหรียญทอง มหาวิทยาลัยรามคำแหง (GPA 3.93)เล่าถึงชีวิตในวัยเรียนว่า ดิฉันทุ่มเทกับการเรียนอย่างเต็มที่ โดยตั้งเป้าหมายไว้ตั้งแต่แรกว่า จะเรียนจบให้เร็วที่สุดเท่าที่สามารถทำได้ นั่นคือภายในเวลาสองปีครึ่ง จึงมีการวางแผนการเรียนไว้ล่วงหน้าเป็นปีๆ โดยแต่ละเทอมจะเลือกรายวิชาทั้งวิชาเอกและโทให้สอดคล้องตามที่หลักสูตรได้กำหนดไว้ในเทอมปกติจะลง 24 หน่วยกิต และภาคฤดูร้อนลง 12 หน่วยกิต
“สิ่งที่ได้รับจากการเรียนที่รามคำแหง ทำให้ดิฉันมีระบบความคิดและการทำงานที่เป็นระเบียบแบบแผน โดยเฉพาะการทบทวนความรู้นอกห้องเรียนด้วยตนเองตามตารางเวลาที่กำหนดไว้ ทำให้มีความรับผิดชอบมากขึ้นและยังกระตุ้นให้มีการค้นคว้าหาข้อมูลเพิ่มเติม จนทำให้เกิดความรอบรู้ในเรื่องนั้นๆ”
บัณฑิตอิสรีย์ บอกถึงการเรียนของเขาว่า เลือกลงเรียนหลายวิชาในแต่
ละเทอมทำให้ต้องจัดสรรเวลาเป็นอย่างดี ปกติแล้วจะอ่านหนังสือทุกวิชาทั้งหมดสามถึงสี่รอบ การอ่านรอบแรกกำหนดไว้ภายในช่วงเดือนแรกของภาคเรียน โดยจะอ่านทุกหน้าและเน้นส่วนที่สำคัญไว้ด้วยปากกาหลากสี เหมือนเป็นการทำความรู้จักหนังสือเล่มนั้นหรือวิชานั้นๆให้ดีขึ้น ซึ่งทำให้เราเข้าใจบทเรียนที่อาจารย์สอนได้ดีขึ้น หากเป็นวิชาภาษาต่างประเทศ จะมีการหาความหมายของศัพท์หรือสำนวนต่างๆไว้ก่อนเข้าเรียนทุกครั้งทั้งนี้ ก่อนสอบหนึ่งเดือนก็จะอ่านรอบที่สองเพื่อทบทวนความรู้ความเข้าใจ โดยทำตารางอ่านหนังสือไว้ซึ่งมักจะกินเวลาเป็นเดือน บางครั้งก็เครียดบ้างเพราะอ่านหนังสืออยู่ที่บ้านตลอด แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดีพร้อมผลลัพธ์ที่ดีทุกครั้ง และพอใกล้ถึงวันสอบจะอ่านทวน จนแน่ใจว่ามีความรู้เพียงพอที่จะเข้าห้องสอบด้วยความพร้อมเต็มที่
“รามคำแหงเป็นหนึ่งในการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิต เพราะครั้งหนึ่งดิฉันเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง แต่หลังจากเรียนอยู่พักใหญ่จึงตัดสินใจลาออกเนื่องจากไม่ชอบสังคมของที่นั่น ผ่านมาหลายปี จึงตัดสินใจกลับมาเรียนอีกครั้งโดยเป็นการเริ่มเรียนปริญญาตรีใหม่ทั้งหมดเมื่อเลือกมาเรียนที่รามฯแล้ว ดิฉันตั้งใจเรียนอย่างเต็มที่ อาจารย์ทุกท่านทั้งภาควิชาภาษาฝรั่งเศสและภาควิชาประวัติศาสตร์ที่ได้มีโอกาสเรียนด้วย ต่างก็เป็นผู้ที่มีคุณวุฒิและมีคุณสมบัติในการเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ให้แก่นักศึกษา ดิฉัน
ตั้งใจและรู้ว่าทุกความพยายามและความอดทนที่ได้ทำไปเป็นสิ่งที่คุ้มค่าอย่างมากโดยมีครอบครัวทั้งคุณพ่อ คุณแม่ และพี่สาวเป็นกำลังใจและสนับสนุนด้านการศึกษามาตลอด”
บัณฑิตมนุษยศาสตร์ บอกด้วยว่า ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยไม่ได้ให้แค่ทักษะความรู้ความสามารถที่จำเป็นต่อการประกอบอาชีพในอนาคต แต่ยังเป็นการเปิดโลกกว้างทางทัศนคติและจิตใจให้ดิฉัน จากที่ได้พบปะและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้คนหลากหลายประสบการณ์ และสิ่งเหล่านี้เองที่นับว่าเป็น
ความภาคภูมิใจที่เกิดขึ้นจากที่ดิฉันได้สำเร็จการศึกษาที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงแห่งนี้
“ดิฉันเชื่อว่าการทำสิ่งใดก็ตาม ความพยายามอดทนอย่างไม่หยุดหย่อนนั้นเป็นพื้นฐานสำคัญของความสำเร็จในชีวิต เมื่อไรที่เหนื่อยหรือท้อเกินไปก็พักหายเหนื่อยแล้วให้ลุกขึ้นฮึดสู้ต่อไปจนกระทั่งไปถึงจุดหมายที่ต้องการ และอีกสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์แก่เพื่อนๆคือ การทำตนให้เป็นผู้ที่พร้อมและเปิดใจรับการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆเสมอ ทำตนเสมือนแก้วน้ำที่มีน้ำอยู่เพียงเล็กน้อย จะทำให้เกิดความรู้สึกสนุกกับการเรียนรู้และการแสวงหาความรู้เพิ่มเติม จนนำไปสู่การได้รับความรู้ใหม่และหลากหลาย และยังเพิ่มพูนประสบการณ์ที่ดีทั้งทางความคิดและทางการปฏิบัติจริงให้แก่เราในที่สุด”
นางสาวปวินณา ทบพักตร์ บัณฑิตคณะมนุษยศาสตร์ สาขาวิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยาเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เหรียญทองมหาวิทยาลัยรามคำแหง ปัจจุบันเป็น Marketing Research Executive บริษัทในเครือกานดา กรุ๊ป (อสังหาริมทรัพย์)
บัณฑิตปวินณา บอกว่า ขณะที่เรียนรามคำแหงดิฉันเรียนที่คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ควบคู่ไปด้วย จึงต้องจัดสรรเวลาการเรียนและเวลาสอบไม่ให้ทับซ้อนกันเนื่องจากต้องการมานั่งเรียนในห้องเรียนที่รามฯด้วย ส่วนการเตรียมตัวสอบจะจัดทำตารางปฏิทินรายเดือน ซึ่งจะรู้ล่วงหน้าว่าเมื่อไรจะถึงช่วงสอบ จะได้เตรียมตัวอ่านหนังสือทัน โดยอ่านหนังสือก่อนสอบล่วงหน้าอย่างน้อย 1 เดือนเขียนสรุปเป็นโน้ตย่อตามความเข้าใจในทุกบทที่เรียน และจากนั้นก็ตั้งใจเรียนในห้อง ตั้งใจฟังสิ่งที่อาจารย์ท่านสอน พร้อมทั้งแบ่งเวลาทำกิจกรรมของมหาวิทยาลัยด้วยเพื่อไม่ให้เครียดจนเกินไป
“ตอนนี้สำเร็จการศึกษาปริญญาตรีทั้งสองใบแล้ว ตั้งใจไว้ว่าจะเรียนต่อระดับปริญญาโท แต่อยากทำงานไปก่อนอย่างน้อย 2-3 ปี เนื่องจากจะได้นำความรู้ที่เรียนปริญญาโทมาใช้กับการทำงาน ซึ่งความรู้ที่ได้จากการเรียนที่รามคำแหงทำให้เป็นคนที่รอบรู้หลายศาสตร์และฝึกการมีวินัยในตนเองอย่างมาก
นอกจากนั้นแล้ว สิ่งที่จะทำให้ประสบความสำเร็จในการเรียน นอกจากตัวเราเองแล้ว ยังมีเพื่อนๆที่คอยช่วยเหลือติวหนังสือ เก็งข้อสอบ หรือมีกิจกรรมดีๆ ก็จะมาบอกต่อ และคณาจารย์ที่ดูแลเอาใจใส่ เป็นที่ปรึกษา ทั้งยังฝึกให้ทำงานเป็นกลุ่ม ทำให้นักศึกษามีความกล้าแสดงออก ซึ่งเป็นแรงจูงใจ
ให้นักศึกษาอยากเข้าห้องเรียนมากขึ้นด้วย”
ปวินณา บอกด้วยว่า วันนี้รู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นลูกพ่อขุนฯเต็มตัว เรียนจบ
ออกไปเป็นบัณฑิตที่มีคุณภาพ ซึ่งมีหลายคนเคยบอกไว้ว่าการเรียนรามฯนั้น“เข้าง่าย ออกยากหรือจบยาก” แต่ถ้าเรามีวินัยในการเรียน การอ่านหนังสือ
ก็สามารถคว้าใบปริญญามาให้ตัวเองและครอบครัวได้อย่างภาคภูมิใจ
“อยากจะฝากถึงเพื่อนๆ นักศึกษารามฯว่า “ความสำเร็จอยู่ไม่ไกล ถ้าเราตั้งใจและลงมือทำมันอย่างจริงจัง” อย่ามัวแต่ผัดวันประกันพรุ่ง รอเวลาใกล้สอบค่อยอ่านหนังสือ รอเวลาใกล้กำหนดส่งงาน ค่อยทำงานส่ง เราควรรีบทำให้เสร็จเพราะเวลาเป็นสิ่งมีค่า เราเอาเวลาที่เหลือไปทำกิจกรรมทั้งในและนอกมหาวิทยาลัยหรือทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ขวนขวายหาความรู้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้มากที่สุด ที่สำคัญ อย่าท้อ ถึงแม้เราอาจไม่ใช่คนเก่งหรือความจำดี แต่ทุกอย่างสามารถฝึกฝนกันได้ เพราะความรู้ก็ไม่ได้อยู่ในตำราและห้องเรียนเสมอไป เราสามารถค้นคว้าหาได้ในทุกสถานการณ์ของชีวิต”
|
|
ประพันธ์ เวารัมย์ [101.51.54.xxx] เมื่อ 14/01/2017 13:57
|