พนง.ท้องถิ่น-ขรก.ทั่ว ปท.เฮ 'ศธ.'ไฟเขียวเกณฑ์โอนเป็นครูสังกัด สพฐ. หวังดึงคนเก่งเป็นแม่พิมพ์ แก้ขาดแคลน |
|
อ้างอิง
อ่าน 240 ครั้ง / ตอบ 1 ครั้ง
|
ประพันธ์ เวารัมย์
|
พนง.ท้องถิ่น-ขรก.ทั่ว ปท.เฮ 'ศธ.'ไฟเขียวเกณฑ์โอนเป็นครูสังกัด สพฐ.
หวังดึงคนเก่งเป็นแม่พิมพ์ แก้ขาดแคลน
พล.ร.อ.ณรงค์เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เมื่อเร็วๆ นี้ เห็นชอบร่างหลักเกณฑ์และวิธีการโอนพนักงานส่วนท้องถิ่นและข้าราชการอื่น มาบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการครู มีหลักการที่สำคัญดังนี้ 1.รับโอนมาบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งครูเท่านั้น 2.การรับโอนต้องไม่มีบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ หรือผู้ได้รับการคัดเลือกรอการบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งครูผู้ช่วยในกลุ่มวิชา หรือสาขาวิชาเอก ที่จะรับโอนในเขตพื้นที่การศึกษานั้น หรือเขตพื้นที่ฯอื่น หรือบัญชีของส่วนราชการแล้วแต่กรณี
พล.ร.อ.ณรงค์กล่าวต่อว่า 3.ผู้ขอโอนต้องมีคุณสมบัติทั่วไปตามมาตรา 30 แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 มีอายุไม่เกิน 50 ปี นับถึงวันสุดท้ายของการรับสมัคร มีวุฒิไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีทางการศึกษา หรือทางอื่นที่ ก.ค.ศ.รับรอง และกำหนดเป็นคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่ง มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูที่ยังไม่หมดอายุ ต้องเป็นพนักงานส่วนท้องถิ่น หรือข้าราชการอื่น ซึ่งได้รับการบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ใช้คุณวุฒิระดับปริญญาโดยผลการสอบแข่งขัน ปัจจุบันต้องดำรงตำแหน่งสายงานการสอน สายงานบริหารสถานศึกษา สายงานนิเทศการศึกษา ตำแหน่งประเภทวิชาการ และข้าราชการทหาร ข้าราชการตำรวจ ชั้นยศไม่ต่ำกว่าสัญญาบัตรอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือรวมกันมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 ปี นับถึงวันสุดท้ายของการรับสมัคร มีประสบการณ์การสอนหลังจากได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู หรือหลักฐานที่ใช้แสดงในการประกอบวิชาชีพครูตามที่คุรุสภาออกให้เพื่อปฏิบัติหน้าที่สอนมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี และมีภาระงานการสอนขั้นต่ำตามที่ส่วนราชการที่รับโอนกำหนด โดยความเห็นชอบของ ก.ค.ศ.ได้รับเงินเดือนไม่ต่ำกว่าขั้นต่ำในอันดับของตำแหน่งที่รับโอน ไม่อยู่ในระหว่างถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย หรือจรรยาบรรณวิชาชีพ หรือไม่เคยกระทำผิดวินัย หรือจรรยาบรรณวิชาชีพ ไม่อยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีอาญา หรือไม่เคยถูกลงโทษทางอาญา เว้นแต่ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ และไม่อยู่ในระหว่างถูกดำเนินคดีล้มละลาย
รัฐมนตรีว่าการ ศธ. กล่าวด้วยว่า 4.ผู้ขอโอนต้องได้รับความยินยอมให้โอน จากผู้มีอำนาจสั่งบรรจุและแต่งตั้งของส่วนราชการ หรือหน่วยงานต้นสังกัดก่อน 5.สถานศึกษาที่จะรับโอน ต้องมีจำนวนตำแหน่งข้าราชการครูสายงานการสอน ไม่เกินเกณฑ์อัตรากำลังที่ ก.ค.ศ.กำหนด 6.ให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) หรือส่วนราชการ โดยอนุมัติคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) เขตพื้นที่ฯ หรือ อ.ก.ค.ศ.ที่ ก.ค.ศ.ตั้งแล้วแต่กรณี เป็น ผู้ดำเนินการรับโอน โดยประกาศรับสมัคร 7.ผู้ขอโอนต้องผ่านการประเมินความรู้ ความสามารถ และความเหมาะสมตามที่กำหนด 8.ผู้ผ่านการประเมินต้องได้คะแนนแต่ละข้อไม่ต่ำกว่า 60% และจะประกาศรายชื่อ ผู้ผ่านการประเมินเท่ากับจำนวนตำแหน่งว่างที่ประกาศรับโอน 9.ผู้ที่ได้รับอนุมัติให้โอนจะต้องมาปฏิบัติหน้าที่ในสถานศึกษาที่รับโอนภายใน 45 วัน นับแต่วันที่ออกคำสั่งรับโอน หากพ้นระยะเวลาดังกล่าว ผู้รับโอนอาจยกเลิกการรับโอนได้ และ 10.ผู้ที่ได้รับการโอนมาบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งครู ต้องเข้ารับการพัฒนาตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ค.ศ.กำหนด
นางศิริพร กิจเกื้อกูล เลขาธิการ ก.ค.ศ. กล่าวว่า จากนี้ ก.ค.ศ.จะต้องไปทำรายละเอียด เพื่อเป็นแนวทางให้ สพท.นำไปปฏิบัติได้ทันที หลักเกณฑ์ดังกล่าวเปิดโอกาสให้พนักงานส่วนท้องถิ่น และข้าราชการอื่นที่ไม่ใช่ครู แต่โอนย้ายมาเป็นครูสังกัด สพฐ.ได้ โดยผู้ขอโอนย้ายต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู และเคยปฏิบัติการสอนมาก่อน รวมถึงมีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ที่ ก.ค.ศ.กำหนด มาบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการครู ได้โดยไม่ต้องสอบขึ้นบัญชีเช่นเดิม อย่างไรก็ดี หลักเกณฑ์นี้จะทำให้บรรจุครูที่มีความรู้ความสามารถมีประสบการณ์ได้ รวมทั้งยังแก้ปัญหาขาดครูในสาขาที่เป็นความต้องการได้ด้วย
ที่มา. มติชน ฉบับวันที่ 11 ก.พ. 2558
|
|
ประพันธ์ เวารัมย์ [101.51.54.xxx] เมื่อ 14/01/2017 13:57
|